ผู้เขียน หัวข้อ: ปิดฉาก “บัตรทอง”เพียงนโยบาย“ตีกิน”ประชาธิปัตย์?  (อ่าน 1939 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9755
    • ดูรายละเอียด
“บัตรทอง” ซุกปัญหาไว้ใต้พรมเป็นจำนวนมาก กระทั่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขต้องขาดทุน.....

โดย....ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน

สภาพความแออัดของผู้ป่วยที่ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ตามสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยังคงมีให้เห็นอย่างชินตา ซึ่งสามารถสะท้อนปัญหาจำนวนผู้ป่วยล้นในโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ย่อมจะกระทบต่อคุณภาพของการให้บริการ โดยเฉพาะจำนวนบุคคลากรทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ กลายมาเป็นประเด็นหลักต่อมาตรฐานการรักษาที่ตกต่ำลง

แม้ว่า “บัตรทอง” จะซุกปัญหาไว้ใต้พรมเป็นจำนวนมาก กระทั่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขต้องขาดทุน แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือ นโยบายดังกล่าวนี้ได้รับการยอมรับและถูกสานต่อ

ทันทีที่กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้เงาของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศเปิดโครงการ รักษาฟรี 48 ล้านคน แค่ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. มีคำถามถึงวัตถุประสงค์และวิธีการให้บริการขึ้นอย่างมากมาย


ประการหนึ่งคือ ความเคลือบแคลงต่อวัตถุประสงค์ เพราะหากนโยบายนี้ไม่ได้ดีกว่าบัตรทอง ก็อาจถูกมองได้ว่าเป็นนโยบายประชานิยมของพรรคประชาธิปัตย์ ที่หวังเพียงเพื่อกลบภาพ “30 บาท รักษาทุกโรค” ของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้นแบบประชานิยมเท่านั้น

อีกประการหนึ่งคือ ความสับสนในการขอรับบริการ โดยเฉพาะข้อสงสัยจากผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชน ผู้ที่ถือบัตรทองใบเก่า และระบบสมาทการ์ดที่ยังคงปัญหาคาราคาซัง 

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ในฐานะผู้กำกับนโยบายโดยตรง อธิบายว่า ประชาชนทั่วไปสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่ทางราชการออกให้ซึ่งมีรูปถ่ายและตัวเลข 13 หลักกำกับอยู่แทนบัตรทองได้ ส่วนเด็กเล็กที่ยังไม่มีบัตรประชาชน ให้ใช้สำเนาทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรแทนได้เช่นกัน

รมว.สาธารณสุข อธิบายต่อว่า ประชาชนจะได้รับการรักษาฟรีโดยต้องเข้ารับการรักษายังสถานพยาบาลที่เคยขึ้นทะเบียนไว้ เว้นแต่กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินจะสามารถเข้ารับการรักษายังจังหวัดที่เกิดเหตุได้ทันที ซึ่งนโยบายนี้เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และมั่นใจว่ามีความพร้อม 100 % ในการให้บริการ

“เราได้ประสานกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเชื่อมต่อฐานข้อมูลให้แก่ทุกโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ส่วนสถานพยาบาลที่ยังไม่มีระบบอินเทอร์เน็ตก็จะมีการส่งข้อมูลให้อัพเดททุกๆ 7 วัน มั่นใจว่าหลังจากเปิดโครงการในวันที่ 1 ต.ค.จะไม่มีปัญหาใดๆ”เจ้ากระทรวงให้ความเชื่อมั่น

ถ้อยแถลงโดยรวมของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” น่าชื่นชมในมุมของความพยายามในการสร้างนวัตกรรมใหม่ แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ประชาชนอยากรู้มากกว่าคือ ... จะได้อะไรจากนโยบายนี้มากไปกว่าการประหยัดเงิน 30 บาท

********************************

"บัตรทอง" กับ "ขยะ" ที่ถูกซุกไว้ใต้พรม               

สำหรับ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายประชานิยมยุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2545 โดยเป็นหนึ่งในนโยบายที่เรียงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งจากประชาชนรากหญ้ามากที่สุด เพราะชูเป้าหมายให้ประชาชนซึ่งอยู่นอกเหนือสิทธิประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ ได้เข้าถึงการรักษาพยาบาล

แต่ปัญหาที่ถูกท้วงติงมากที่สุดคือการจัดสรรงบประมาณเป็นรายหัว โดยปัจจุบันหลายโรงพยาบาลขอถอนตัวจากโครงการเพราะแบกรับภาระไม่ไหว

โพทส์ทูเดย์ 30 กย.2553