แหล่งข่าวจากกระทรวง สาธารณสุข(สธ.) เปิดเผยว่าปัญหาขาดสภาพคล่องของโรงพยาบาล(รพ.)สังกัดสธ.เพิ่มขึ้นทุกปีโดย รพ.สังกัด สธ.มี832 แห่งแบ่งเป็นรพ.ชุมชน 737 แห่งขาดทุนร้อยละ 85 รพ.ทั่วไป70 แห่งขาดทุนร้อยละ10 และรพ.ศูนย์25 แห่งขาดทุนร้อยละ5 โดยไตรมาส4 ของปี2552 พบว่า มีรพ.กำไร 4,300 ล้านบาทแต่ขาดทุนสูงถึง 5,575 ล้านบาทโดยรวมขาดทุนถึง 1,275 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปี2553 พบรพ. 191 แห่งที่ขาดสภาพคล่องทางการเงินชนิดไม่มีเงินดั้งเดิมหรือเงินบำรุงรพ.ไว้ใช้ กรณีฉุกเฉินบางแห่งถึงขั้นต้องเจรจากับพนักงานชั่วคราว เพื่อเลื่อนจ่ายเงินเดือนและโอที อีก 467 แห่งอยู่ในภาวะรายรับน้อยกว่ารายจ่ายและมีแนวโน้มจะขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง ในอนาคต ขณะที่เมื่อไตรมาส 4 ปี2552 พบรพ.ที่ขาดสภาพคล่องขั้นรุนแรง175 แห่งและรพ.ภาวะรายรับน้อยกว่ารายจ่าย 505 แห่งสาเหตุทั้งปัญหาการเงินของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ให้ตามรายหัวจริงที่คนละ 2,456 บาทต่อปี แต่หักค่าใช้จ่ายต่างๆลงกว่าครึ่งหนึ่ง รวมทั้งการบริหารโรงพยาบาลเช่น อาจจ้างงานเพิ่มเติม
นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่าจะจัดสรรเงินให้รพ.ทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิมงวดแรกช่วงเดือน ตุลาคมจะโอนให้ร้อยละ 25 จากเงินทั้งหมดที่ต้องให้ตลอดทั้งปี แต่ครั้งนี้จะเพิ่มเป็นร้อยละ 50 หรือกว่า 20,000 ล้านบาทจากทั้งหมดกว่า 40,000 ล้านบาทโดยในวันที่ 1 ต.ค.นี้จะประชุมคณะกรรมการระหว่างสปสช.และสธ.หารือการจัดสรรเงินแต่ละพื้นที่ เพิ่มวงเงินในกองทุนเงินช่วยเหลือชดเชยโรงพยาบาลขาดสภาพคล่องที่สปสช.จัด สรรให้สธ. ไปช่วยเหลือทุกปี ซึ่งปีนี้จัดสรรไว้ 200 ล้านบาทแต่ขณะนี้มีการเจรจาให้เพิ่มถึง 1,000-2,000 ล้านบาทถ้าได้ข้อสรุปจะประชุมหน่วยงานสธ.เพื่อชี้แจงในวันที่ 4-5 ต.ค.นี้ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต
คมชัดลึก วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2553
