ผู้เขียน หัวข้อ: “ปวีณา”พาผู้เสียหายบุกสธ.ร้องขอความเป็นธรรม  (อ่าน 941 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
ที่กระทรวงสาธารณสุข วันนี้ (31 ต.ค.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี (องค์กรสาธารณประโยชน์) ได้พาผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขใน รพ.รัฐและเอกชน 6 รายพร้อมญาติพี่น้องผู้เสียหาย เข้าพบ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงธารณสุข นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผอ.สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และเจ้าหน้าที่ เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น


นางปวีณา กล่าวว่า ผู้เสียหายและญาติที่มาในวันนี้มี 6 ราย  รายแรกภรรยาคลอดบุตรที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา บุตรเสียชีวิตโดยทางรพ.บอกว่าไม่ทราบสาเหตุ และขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลชันสูตรจากรพ.ตำรวจ รายที่ 2 คลอดบุตรเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. ภายหลังการคลอด 3 ชม.บุตรเสียชีวิต ส่งผลชันสูตรที่ รพ.ศิริราช ระบุว่าระบบทางเดินหายใจล้มเหลว รายที่ 3 มารดาคลอดบุตรสาวก่อนกำหนดเมื่อปี 2534 ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. รพ.ได้ให้เลือดบุตรสาว และต่อมาในปี 2540 ไปตรวจเลือดพบว่า บุตรสาวติดเชื้อเอชไอวี ทั้งที่คนในบ้านไม่มีใครติดเชื้อ
 

ขณะที่ รายที่ 4 น้องสาวของผู้ตายมาร้องเรียนว่า พี่สาวคลอดบุตรที่ รพ.รัฐบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 17  ต.ค.ที่ผ่านมาแล้วเสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้วันที่ 3 ต.ค.ปวดท้องไป รพ.ดังกล่าวแต่ รพ.บอกยังไม่ถึงเวลาคลอดโดยได้ฉีดยาและให้กลับบ้าน จากนั้นวันที่ 16 ต.ค.ไป รพ.อีกแต่ทาง รพ.บอกยังไม่ถึงเวลาคลอด ไปรพ.อีกครั้งในวันที่ 17 ต.ค. เพราะมีอาการปวดท้องมาก จนต้องนำเข้าห้องผ่าคลอด หลังคลอด 2 ชม.และเสียชีวิตเพราะเลือดออกมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ รายที่ 5 น้าของผู้เสียหายร้องเรียนว่า ผู้เสียหายมีอาการแพ้อาหาร คือ ปลาร้า แล้วไปรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ปรากฏว่าหมอหลังหมอฉีดยาให้ผิวหนังเป็นหนองน่ากลัว คาดว่าหมอน่าจะฉีดยาให้ผิด ปัจจุบันได้ย้ายไปรักษาที่ รพ.ศรีสังวร จ.สุโขทัยตามสิทธิ์บัตรทอง และรายสุดท้ายร้องเรียนว่าภรรยาไปคลอดบุตรที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง ใน จ.ฉะเชิงเทรา หลังคลอดบุตรได้เพียง 4 ชม.และเสียชีวิตขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ
 

“ ในแต่ละเดือนทางมูลนิธิรับเรื่องราวร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือประมาณ 600-700 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องข่มขืน อนาจาร ทารุณกรรม สามีทำร้ายตบตีภรรยา ผู้หญิงจะขอเลิกแต่ฝ่ายชายไม่ยินยอม ปัญหาการล่อลวง ค้าประเวณี  ค้ามนุษย์ การแชตทางอินเทอร์เน็ตแล้วเด็กสาวถูกล่อลวง ให้ออกไปเจอแล้วข่มขืน แต่ที่น่าห่วงคือ เด็กสาวหลายคนที่เคยคบหากับฝ่ายชายทั้งที่ยังเป็นนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ เวลามีเพศสัมพันธ์กันแล้วจะถ่ายรูปโป๊เก็บเอาไว้ พอเลิกกันอีกฝ่ายเอาไปโพสต์ประจานทางอินเทอร์เน็ต กรณีเช่นนี้มีเยอะมาก จึงขอฝากเตือนไปยังวัยรุ่นว่าให้ระวังการถ่ายภาพในลักษณะนี้”นางปวีณา กล่าว


นางปวีณา กล่าวด้วยว่าสำหรับเด็กหญิงที่ถูกข่มขืนที่มีการร้องเรียนนั้นพบว่าอายุน้อยลง คืออยู่ระหว่าง 8-12 ขวบ ส่วนวัยรุ่นหญิงอายุ 14-15 ปี ส่วนใหญ่จะเป็นการหนีตามผู้ชายมากกว่า มีเด็กหญิงรายหนึ่งที่ทางมูลนิธิเคยช่วยไว้ อายุแค่ 6 ขวบถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน พอดูทีวีที่โรงเรียนมีฉากในลักษณะดังกล่าวก็บอกกับครูว่าพ่อเลี้ยงทำแบบนี้เหมือนกัน ทั้งนี้เด็กเคยบอกกับแม่แล้วแต่แม่ไม่เชื่อ กรณีนี้ทางมูลนิธิก็เข้าไปช่วยเหลือ
 

ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขอแสดงวามเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคงไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้วตนจะรับเรื่องไว้ โดยจะเชิญผู้ที่ดูแลพื้นที่ต่าง ๆ มารับทราบปัญหา ทั้งนี้จะดูแลให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหาย และผู้ให้บริการตามข้อเท็จจริง.


เดลินิวส์