ผู้เขียน หัวข้อ: ศาลปกครองสูงสุดรับฟ้องผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลือง  (อ่าน 846 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลางที่เพิกถอนกระบวนการพิจารณาคดีผู้ป่วยบวมน้ำเหลืองฟ้องคณะเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กรณียกเลิกโครงการรักษาด้วยวิธีภูษาบำบัดฯ เพราะเห็นว่า คำสั่งมหาวิทยาลัยมหิดลที่ออกประกาศยุบเลิกโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลือง ด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะเป็นคำสั่งภายใน  และนางสมจิต วัชราเกียรติกับพวกรวม 13 คนที่เป็นผู้ป่วยซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีไม่ใช่ผู้เดือดร้อนเสียหาย อีกทั้งโรคบวมเหลืองยังใช้วิธีอื่นรักษาได้  โดยศาลปกครองสูงสุดได้สั่งให้มีการรับคำฟ้องกรณีดังกล่าวไว้พิจารณาวินิจฉัยและให้มีการดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป

ทั้งนี้คดีดังกล่าวนางสมจิตและพวกได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2554 และศาลได้มีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาไปแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2554 จากนั้นได้ดำเนินกระบวนการพิจารณาโดยในวันที่ 15 ธ.ค. 2554ได้นัดไต่สวนคู่กรณี เพื่อพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ประกาศยุบเลิกโครงการฯ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาคดีของนางสมจิตและพวก แต่ต่อมาวันที่ 6ม.ค.2555ศาลปกครองกลางกลับมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีนี้ และสั่งเพิกถอนกระบวนการพิจารณาในชั้นรับคำฟ้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดด้วยทำให้นางสมจิตกับพวกยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

ส่วนที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องดังกล่าวไว้พิจารณา ระบุว่า  เมื่อศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า  มีการจัดตั้งโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล โดยทางโรงพยาบาลได้เปิดโครงการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ นางสมจิต วัชราเกียรติ กับพวกรวม 13 คนเป็นผู้ป่วยโรคบวมน้ำเหลืองที่รักษาอาการด้วยวิธีการดังกล่าวที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน และอยู่ระหว่างการรักษา ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง การยุบเลิกโครงการทำให้นางสมจิต กับพวกรวม 13 คน ไม่สามารถรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะได้อีกต่อไป แม้ว่าการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองจะสามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นได้ แต่การตัดสินใจว่าจะรักษาด้วยวิธีการใดเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา และคณะกรรมการควบคุมการประกอบโรคศิลปะได้ร่วมกันออกประกาศรับรองสิทธิดังกล่าวไว้

รวมทั้งการรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ไม่ปรากฏว่ามีโรงพยาบาลใดรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวนอกจากโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เมื่อนางสมจิตกับพวกรวม 13 คน เลือกที่จะรักษาโรคบวมน้ำเหลืองด้วยวิธีภูษาบำบัดและขันชะเนาะ ที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน แต่ไม่อาจรักษาด้วยวิธีการดังกล่าวได้  เนื่องจากคณะเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประกาศยุบเลิกโครงการนางสมจิต กับพวกรวม 13 คน จึงเป็นผู้ที่เดือดร้อนเสียหาย โดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จากการกระทำของคณะเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
 

อีกทั้งในข้อเท็จจริงไม่ปรากฏเหตุอื่นที่จะมีผลให้คำฟ้องคดีไม่สมบูรณ์ครบถ้วนตาม การฟ้องคดีนี้จึงเป็นไปตามเงื่อนไขการฟ้องคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542  ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นการรับคำฟ้องไว้พิจารณา รวมถึงกระบวนพิจารณาในภายหลังทั้งหมด และมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และมีคำสั่งไม่รับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาของนางสมจิต กับพวกรวม 13 คน ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยให้ศาลปกครองกลางรับคำฟ้องไว้พิจารณาและดำเนินกระบวนการพิจารณาตามรูปคดีต่อไป.



เดลินิวส์