ผู้เขียน หัวข้อ: แพทยสภาเล็งล่ารายชื่อแก้กฎหมายม.41  (อ่าน 921 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ นายกแพทยสภา กล่าวถึงการขยายสิทธิการชดเชยกรณีเกิดความเสียหายทางการแพทย์โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด ทั้ง 3 กองทุน หลังจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เดินหน้าขยายสิทธิตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ไปแล้วนั้น ว่า ขณะนี้การพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วมและการคุ้มครองสิทธิ ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะตัดสินให้มีการขยายสิทธิประโยชน์ให้เท่าเทียมกันทั้ง 3 กองทุนหรือไม่ ซึ่งแพทยสภาในฐานะผู้ผลักดันให้เกิดการขยายสิทธิ เห็นว่าการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ทำได้ 2 ช่องทาง คือ 1.เสนอแก้กฎหมายผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 20 คน เป็นผู้เสนอแก้กฎหมาย และ 2.ล่ารายชื่อประชาชน 10,000 รายชื่อ เพื่อให้เกิดการแก้ไขกฎหมายต่อไป


 
"หากยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ก็จะนำเรื่องเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาอีกครั้ง เพื่อพิจารณาว่าจะใช้ช่องทางใด เพราะการศึกษาของคณะอนุกรรมการฯ อาจใช้เวลานาน" นายกแพทยสภา กล่าว

ด้านนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า การขยายสิทธิการจ่ายเงินชดเชยฯ ครอบคลุม 3 กองทุนนั้น ยังไม่ครอบคลุมครบประชาชนทั้งหมด ฉะนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว หากจะมีการล่ารายชื่อ ส.ส.นั้น ส.ส.ทั้ง 20 คน ก็ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะการที่ประชาชนเลือกเข้ามาก็เพื่อให้ ส.ส.ค่อยช่วยเหลือในเวลาที่ประชาชนเดือดร้อน แต่ตามหลักแล้วการล่ารายชื่อก็ต้องใช้เวลาหลายปีอยู่ดี

นางปรียนันท์ กล่าวต่อว่า การที่แพทยสภาทำเช่นนี้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโรงพยาบาลเอกชนใช่หรือไม่ โดยเรื่องการขยายมาตรา 41 นั้น ทางกรมบัญชีกลางเองก็ออกมาชี้แจงแล้วว่าทำไม่ได้ และควรใช้แนวทางของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... ตามที่ประชาชนเรียกร้องจะดีกว่า เพราะจะได้มีกองทุนชดเชยเป็นเงินของคนไข้เอง ซึ่งประชาชนได้รับ ผลประโยชน์จริงๆ ทั้ง 3 กองทุนและรวมไปถึงคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชนด้วย ทั้งนี้การเดินหน้าขยายมาตรา 41 ยังจะเป็นการส่งผลเสียต่อเมดิคัล ฮับ หลังจากมีการเปิดประชาคมอาเซียนอีกด้วย

"การเดินหน้ามาตรา 41 แพทยสภามีสิทธิ์ที่จะทำ แต่ตามหลักมนุษยธรรมแล้วไม่ควรทำ ซึ่งเรื่องนี้อยากให้นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง และอยากให้มองที่ประโยชน์ของประชาชนมากกว่า" นางปรียนันท์ กล่าว