ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เมื่อวันที่3 ตุลาคม 2555 ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้สัมภาษณ์กรณีชาโบราณและชาอีกหลายชนิดที่มีการใส่สี ว่า ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่อนุญาตให้ชาใส่สี ดังนั้น ชาที่ขายกันในท้องตลาดปัจจุบันถือว่าผิดกฎหมายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะมีการทบทวนประกาศ อย. เพื่ออนุญาตให้มีการใส่สีในชาได้หรือไม่ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการทบทวนประกาศกระทรวงสาธารณสุขหลายฉบับเป็นระยะอยู่แล้ว ทั้งนี้ ถ้าจะอนุญาตให้ใส่สีได้ต้องมีความปลอดภัยกับผู้บริโภค เป็นสีสังเคราะห์ที่ผสมอาหารเท่านั้น
"ชาที่ขายในท้องตลาดหรือแม้แต่ชาที่ชงใส่โถและขายที่ อย. มีสีนั้นถือว่าผิดกฎ หมายทั้งหมด ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าชาโบราณที่จำหน่ายในท้องตลาดนั้น มีการนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านของไทยที่ผ่านมาได้มีการตามไปที่โรงงานผู้ผลิตและดำเนินการตักเตือนไปแล้ว" รองเลขาธิการ อย.กล่าว
แหล่งข่าวจาก อย.กล่าวว่า ตามประ กาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 196) พ.ศ.2543 เรื่องชา ระบุไว้ชัดเจนในข้อ 5 (4) เกี่ยวกับคุณภาพหรือมาตรฐาน ว่าต้องไม่ใส่สี
ด้าน นพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสีสังเคราะห์ว่า เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หากร่างกายได้รับสีสังเคราะห์ในปริมาณที่มากเกินมาตรฐานหรือบ่อยครั้งย่อมก่อให้เกิดอันตรายได้ สีจะไปเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้น้ำย่อยอาหารออกมาไม่สะดวก อาหารย่อยยาก เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขัดขวางการดูดซึมอาหาร ทำให้ท้องเดิน น้ำหนักลด อ่อนเพลีย อาจมีอาการของตับและไตอักเสบ นอกจากนี้ ในการผลิตสีสังเคราะห์อาจมีการปนเปื้อนสารต่างๆ ที่เป็นอันตราย เช่น ตะกั่ว สารหนู ปรอท โครเมียม หากสะสมในร่างกายอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดโรคมะเร็งและเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้.
ไทยโพสต์
