ผู้เขียน หัวข้อ: รพ.เอกชนชื่อดังเมืองโคราชผ่าตัดต้อกระจกพ่อผู้พิพากษา ตาบอดสนิท-มติชน-5 กพ. 2553  (อ่าน 3747 ครั้ง)

pradit

  • Global Moderator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 322
    • ดูรายละเอียด
จาก กรณีที่ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. นายกฤษดา  ศรีกัลยา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์  พร้อมด้วยนางเกษมศรี ศรีกัลยา ได้นำนายพินิจพงษ์ ศรีกัลยา อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/2 ถ.สุรนารายณ์15 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบิดา เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนและขอความเป็นธรรม ต่อสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากนายพินิจพงษ์ ได้เข้าทำการผ่าตัดดวงตาข้างซ้าย เพื่อรักษาอาการโรคต้อกระจก ที่โรงพยาบาลเซ็นต์เมรี่ นครราชสีมา แล้วเกิดอาการบอดสนิท แต่ทางโรงพยาบาลกลับปัดความรับผิดชอบ ไม่ยอมทำการรักษาต่อโดยให้ไปหาทางรักษาเอาเองที่ รพ.แห่งอื่นแทน อีกทั้งยังไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งที่จ่ายค่ารักษามีราคาสูงแต่กลับถูกปฏิเสธการรับผิดชอบในทุกด้าน โดยมีนายพลกฤต เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนครั้งนี้
 
นาย พินิจพงษ์  ศรีกัลยา ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองเริ่มมีอาการดวงตาฟ่าฟาง ซึ่งเชื่อว่า อาจจะเกิดจากการขับรถตอนกลางคืน จึงเข้าไปปรึกษาแพทย์ที่  รพ.เซ็นต์เมรี่ โดยแพทย์ระบุว่า เป็นตาต้อกระจก  ถ้าจะรักษาให้หายขาดได้จะต้องทำการผ่าตัดดวงตาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งทางโรงพยาบาลจะคิดค่าผ่าตัดดวงตาข้างละ 17,000 บาท ตนจึงขอผ่าตัดทีละข้างก่อน และเมื่อวันที่ 6 ก.ค.2552 ที่ผ่านมาได้ทำการผ่าตัดดวงตาข้างซ้าย ทั้งนี้หลังจากการผ่าตัดมีอาการปวดที่ดวงตา ทั้งที่กินยาที่แพทย์ให้มาสม่ำเสมอและปฎิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่ง ครัด จากนั้นอีก 3 วันเข้าไปปรึกษาแพทย์บอกเป็นอาการปกติ ขณะที่อาการปวดของตายังไม่หาย เวลาล่วงเลยผ่านไป 7 วัน จึงเข้าไปปรึกษาแพทย์อีกครั้ง แพทย์ก็ยังยืนยันว่า เป็นอาการปกติดี จากนั้นเวลาผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัดเกิดอาการปวดที่ดวงตาอย่างรุนแรง ตนจึงเข้าไปพบแพทย์อีก แต่ครั้งนี้แพทย์บอกว่าไม่สามารถรักษาอาการนี้ได้แล้ว พร้อมกับแนะนำให้ไปหาทางรักษาเองที่โรงพยาบาลแห่งอื่น ตนจึงให้บุตรชายพาไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี  แพทย์วินิจฉัยว่าจอประสาทตาที่ทำการผ่าตัดนั้น เสื่อมแล้ว ตนมีความรู้สึกเสียใจมาก โชคยังดีที่ไม่ผ่าตัดทั้ง 2 ข้างตามคำบอกของแพทย์
 
ด้าน นายกฤษดา   ผู้พิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์  บุตรชายของนายพินิจพงษ์ฯ กล่าวว่า สาเหตุที่พาบิดาไปทำการรักษาที่ รพ.เอกชน เนื่องจากเชื่อว่า การให้บริการในหลายๆ ด้านสะดวกรวดเร็ว และน่าจะดีกว่า รพ.ของรัฐ จึงยอมควักเงินส่วนตัวทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษารวมกว่า 2 แสนบาท ทั้งที่ถ้าจะรักษาใน รพ.ของรัฐ ก็รักษาฟรีและสามารถเบิกได้ตามระเบียบ และหลังจากทราบผลการรักษาของบิดาแล้ว ตนได้พยายามติดต่อโรงพยาบาลเซ็นต์เมรี่ เพื่อให้ทำการรักษาต่อให้จนหายเป็นปกติ แต่ทาง รพ.กลับไม่สนใจบอกว่าให้ไปหาทางรักษาเอาเองที่ รพ.อื่นแทน และตนได้ทักท้วงให้ทาง รพ.แสดงความรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง จึงอยากเรียกร้องให้ทาง รพ.ออกมาแสดงรับผิดชอบ  เพราะทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดของทาง รพ.เอง ทั้งนี้หากบิดาของตนรับการผ่าตัดดวงตาทั้งสองข้าง ตามคำแนะนำของแพทย์ เชื่อว่ายิ่งจะทำให้การดำเนินชีวิตของบิดาตนเองมีความลำบากมากกว่านี้อย่าง แน่นอน
 
ด้าน นายพลกฤต เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า จากการตรวจพยานหลักฐานที่เห็นเบื้องต้น นั้นทางโรงพยาบาลน่าจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือให้คำปรึกษาเพื่อหาทางออก ไม่ควรจะปฏิเสธอย่างเดียว อย่างไรก็ตามทางสภาทนายความ จะเร่งดำเนินการตามที่ผู้เสียหายร้องขอมา โดยการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น