ผู้เขียน หัวข้อ: รพ.ตร.สั่งสอบวินัยร้ายแรงหมอมืออุ้ม  (อ่าน 885 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
โรงพยาบาลตำรวจ แถลงข่าวตั้งคณะกรรมสอบวินัยร้ายแรงหมอมืออุ้มสองสามีภรรยา และยับยั้งคำขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดเหตุผิดเงื่อนไข เชื่อคดีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวกับจรรยาบรรณแพทย์
       


       
       วันนี้(24 ก.ย.)ที่รพ.ตำรวจ พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพล จงพาณิชย์กุลธร โฆษก รพ.ตำรวจ และพ.ต.ท.หญิง ศิริกุล เจียรนัยขจร รองโฆษก รพ.ตำรวจ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่ พ.ต.อ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ นายแพทย์(สบ 5) กลุ่มงานเวชศาสตร์และครอบครัว รพ.ตำรวจ ผู้ต้องหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นเสียอิสรภาพ ลักทรัพย์หรือลักของโจร ฆาตกรรมและอำพรางศพนายสามารถ นุ่มจุ้ย และ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ 2 สามีภรรยา ลูกจ้างไร่สับปะรดว่า ทางโรงพยาบาลมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกับ พ.ต.อ.สุพัฒน์ เนื่องจากถูกจับกุมและตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ เสาวคนธ์ รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามกฎก.ตร.ข้อ 3 (1) เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย โดยคำสั่งให้มีผลตั้งวันที่ 24 ก.ย. และมีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 22 ก.ย. เพราะหากอยู่ในตำแหน่งทำให้เสื่อมเสียต่อทางราชการตำรวจ
       
       ส่วนเรื่องการขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดนั้น พ.ต.อ.สุพัฒน์ ได้ทำเรื่องขอเอาไว้ก่อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากได้รับการอนุมัติจะได้เลื่อนขั้นเป็นพล.ต.ต. แต่เนื่องจากพ.ต.อ.สุพัฒน์ถูกดำเนินคดี จึงถือเป็นการทำผิดหลักเกณฑ์รพ.ตร. ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ทำหนังสือขอยับยั้งการขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้รับทราบต่อไป
       
       เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเคยได้รับการร้องเรียนถึงพฤติกรรมของ พ.ต.อ.สุพัฒน์ หรือไม่ พล.ต.ท.จงเจตน์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่ได้สนิทสนมกันมาก แต่ในส่วนที่เป็นหน้าที่ทางด้านการแพทย์ พ.ต.อ.สุพัฒน์ปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบระเบียบทั่วไปของรพ. ตลอดการทำงานมา 25 ปีได้รับการชมเชยจากคนไข้ว่าทุ่มเทเอาใจใส่ดี ส่วนการร้องเรียนเรื่องความประพฤติส่วนตัวนั้นยังไม่เคยได้รับการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ และไม่เคยมีการสอบทางวินัย เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับอาชีพแพทย์ พ.ต.อ.สุพัฒน์จะเป็นผู้กระทำจริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการนัดจากพนักงานสอบสวนเพื่อให้ตนเข้าไปสอบปากคำแต่อย่างใด
       
       “ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.สุพัฒน์เคยปรึกษากับตนเรื่องที่มีปัญหากับนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย เกี่ยวกับการเป็นผู้จัดการมรดกและการดูแลคุณแม่ที่อายุมากและป่วย และนายสุเทพก็เข้ามาร้องเรียนเรื่องดังกล่าว”
       
       เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับทางน.ส.วิมล นุ่มจุ้ย เจ้าหน้าที่สถิติ รพ.ตร. พี่สาวของนายสามารถ ผู้ตายที่ทำงานอยู่ในรพ.ตร. หรือไม่ พล.ต.ท.จงเจตน์ กล่าวว่า ทราบว่าหลังเกิดเหตุน.ส.วิมลได้ลาพักร้อน โดยก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวคราวๆ แต่หลังจากมาทำงานตามปกติคงได้พูดคุยรายละเอียดกับน.ส.วิมลอีกครั้ง
       
       ต่อข้อถามเรื่องการตรวจสอบดีเอ็น พล.ต.ท.จงเจตน์ กล่าวว่า สถาบันนิเวชได้รับโครงกระดูกแค่ 1 โครง ส่วนอีก 2 โครงยังไม่ได้รับการส่งมาให้ตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าโครงกระดูกดังกล่าวเป็นเพศชายอายุประมาณ 35 ปี แต่ยังไม่สามารถระบุได้เป็นโครงกระดูกของใคร ต้องรอการตรวจหาดำเอ็นเอเปรียบเทียบก่อน โดยขณะนี้อยู่ขั้นตอนการบดย่อยสลายกระดูกเพื่อเอานิวเคลียสมาตรวจหาดีเอ็นเอ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 - 3 วัน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ได้มอบหมาย พ.ต.อ.สุพล จงพาณิชย์กุลธร โฆษก รพ.ตร. และ พ.ต.ท.หญิง ศิริกุล เจียรนัยขจร รองโฆษก รพ.ตร. และคณะลงพื้นที่เข้าเยี่ยมพบ พ.ต.อ.สุพัฒน์ เพื่อสอบถามถึงความเป็นอยู่และสุขภาพต่อไป