ผู้เขียน หัวข้อ: กก.สิทธิลุ้นเพศที่3 เลือกคำนำหน้าชื่อ ชี้สังคมเปิดพื้นที่ให้เพศที่สาม  (อ่าน 1204 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
"หมอแท้จริง" เผยเร่งผลักดันกฎหมายให้สาวประเภทสองแปลงเพศใช้คำนำหน้าจากนายเป็นนางสาว ชี้สังคมยอมรับทำให้มีโอกาสเป็นไปได้สูง เชื่อไม่ส่งผลกระทบต่อสังคม เพราะหลายประเทศที่พัฒนาแล้วมีกฎหมายนี้อย่างแพร่หลาย

นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า การผลักดันให้กะเทย สาวประเพศสองเปลี่ยนคำนำหน้าจากนายเป็นนางสาว มีแนวโน้มเป็นไปได้สูง เพราะปัจจุบันสังคมให้การยอมรับกับเรื่องนี้แล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยเนื่องจากผิดขนบธรรมเนียมประเพณี ตนเองซึ่งเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กำลังดำเนินการผลักดันให้สังคมและกฎหมายยอมรับในเรื่องนี้
นายแพทย์แท้จริงกล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าควรจะเปิดโอกาสให้เพศที่สองเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อได้ เพราะตามสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ แต่ละคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะเป็นเพศไหน และการเลือกเพศไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสังคม เห็นได้จากหลายคนเมื่อเปลี่ยนแปลงเพศแล้วมีความมั่นใจ มีความสุขในการใช้ชีวิต สุขภาพจิตดีขึ้นตามลำดับ เพราะไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนแต่ก่อน

"ที่ผ่านมาพบปัญหาที่เกิดขึ้นมากคือ หญิงที่แต่งงานกับเกย์ กะเทย ซึ่งมีผลต่อครอบครัวและการยอมรับในสังคมอย่างมาก อีกทั้งยังมีการโต้เถียงในสังคมถึงการเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อว่าไม่เหมาะสมหรือผิดขนบธรรมเนียมประเพณี แต่มีแนวโน้มเอนเอียงในทางสนับสนุน"

ส่วนกฎหมายยังไม่มีข้อกำหนดถึงเรื่องนี้ แต่ในต่างประเทศ ทั้งอเมริกาและหลายประเทศในยุโรปยอมรับและออกกฎหมายนี้ขึ้น ในหลายประเทศแถบอาเซียนก็เช่นกัน เหลือเพียงแค่ประเทศไทย กัมพูชา และพม่าเท่านั้น ที่ยังไม่มีกฎหมายนี้ออกมา ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนพื้นฐานกำลังเร่งผลักดันให้เกิดกฎหมายนี้

"ทางการแพทย์นั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ต่างจากเมื่อก่อนที่ระบุในใบรับรองทางแพทย์ว่าเป็นอาการทางจิต แต่ปัจจุบันจะเปลี่ยนไปใช้คำว่าเป็นภาวะอย่างหนึ่ง ซึ่งผลวิจัยของจิตแพทย์ทางอเมริกายืนยันว่าการสับสนทางเพศ หรือการเลือกเปลี่ยนเพศเป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นสภาวะอย่างหนึ่งทางอารมณ์ โดยจะมีการยกเลิศคำว่าผิดปกติทางจิตเป็นสภาวะอย่างหนึ่งในปีหน้า" นายแพทย์แท้กล่าวทิ้งท้าย

สัปดาห์ก่อน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดย นพ.แท้จริง ศิริพานิช ได้เชิญบุคคล องค์กร ที่เกี่ยวข้อง มาสัมมนาในหัวข้อสิทธิบุคคลแปลงเพศในการใช้คำนำหน้าชื่อ ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง และได้ข้อสรุปว่าสมควรให้บุคคลแปลงเพศสามารถเลือกใช้คำนำหน้าชื่อได้.