ผู้เขียน หัวข้อ: เผย12ล้านคนไทยมีปัญหาทางจิต 2พันคนถูกล่ามโซ่  (อ่าน 1018 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
คนไทย 12 ล้านคน มีปัญหาสุขภาพจิต และมี 2,000 คน ถูกล่ามโซ่ที่บ้าน สธ.ผุดโครงการ "ปลดโซ่ตรวนผู้ป่วยจิตเวช" เผยประสบผลสำเร็จสามารถปลดโซ่ตรวนให้ผู้ป่วยกว่า 150 คน จาก 415 คน...

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยม "โครงการปลดโซ่ตรวนผู้ป่วยจิตเวชที่ถูกล่ามขัง : สู่ชีวิตใหม่ในชุมชน" ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า จากการสำรวจปัญหาด้านสุขภาพจิตล่าสุดของกรมสุขภาพจิต พบประชากรไทยร้อยละ 20 หรือประมาณ 1 ใน 5 มีปัญหาสุขภาพจิต และพบผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต หรือป่วยเป็นโรคทางจิตเวชประมาณร้อยละ 2 เช่น โรคจิตเภท โรคซึมเศร้า โรคจิตจากการใช้สารเสพติด โรคสมองเสื่อม โรคลมชัก และโรคสมาธิสั้น เป็นต้น

โดยผู้ป่วยที่ป่วยทางจิตจะขาดความสนใจในการดูแลตนเอง และเป็นภาระของญาติ นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับตนเองและผู้อื่น ทำให้ญาติต้องใช้วิธีการล่ามขังผู้ป่วย ซึ่งจากการสำรวจทั่วประเทศพบผู้ป่วยจิตเวชทุกกลุ่มอายุที่ถูกล่ามหรือกักขังที่บ้าน ประมาณ 2,000 คน ส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วยและคนในสังคม เกิดความรู้สึกไม่ใช่คน ทำให้ผู้ป่วยมีพฤติกรรมและบุคลิกภาพเสื่อมถอย ขาดโอกาสต่างๆ ในสังคม ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดทำโครงการปลดโซ่ตรวนขึ้น เพื่อค้นหาผู้ป่วยจิตเวชที่ถูกล่ามขังในชุมชน นำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ฟื้นฟูตามมาตรฐาน รวมทั้งฟื้นฟูสมรรถภาพโดยชุมชน เพื่อให้ผู้ป่วยจิตเวชสามารถอยู่ได้อย่างอิสระ ไม่ถูกล่ามขังและดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้

นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า โครงการนี้มีระยะเวลาในการดำเนินการ 7 เดือน ตั้งแต่ 1 มี.ค.-30 ก.ย.2555 ขณะเดียวกันในปี 2556 มีนโยบายให้ขยายบริการงานสุขภาพจิตลงสู่ชุมชน โดยให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) มีการติดตามผลการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในชุมชนอย่างต่อเนื่องร่วมกับโรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ หรือโรงพยาบาลจิตเวช ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาการขาดยาและอาการกำเริบ ขณะนี้ได้จัดอบรมความพร้อมเจ้าหน้าที่ไปแล้ว

ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการดำเนินงานโครงการ พบผู้ป่วยที่ถูกล่ามขัง และนำเข้าโครงการฯ เพื่อบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ จำนวนทั้งสิ้น 415 คน แบ่งเป็นภาคเหนือ 83 คน ภาคตะวันออก 5 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 171 คน ภาคกลาง 47 คน และภาคใต้ 109 คน ทั้งหมดนี้ ได้รับการบำบัด มีสภาพจิตใจดีขึ้น สามารถปลดโซ่ตรวน และดำเนินชีวิตในชุมชน ไม่ถูกล่ามขังซ้ำ จำนวน 127 คน

ในส่วนของ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ได้แก่ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล พัทลุง และตรัง มีผู้ป่วยที่ถูกล่ามขังทั้งสิ้น 94 คน บำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพสำเร็จ ผู้ป่วยไม่ต้องถูกล่ามขังซ้ำจำนวน 31 คน

ทั้งนี้ การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคทางจิตเวชในชุมชน จะเน้น 3 มิติ ประกอบกัน ได้แก่ 1. มิติด้านผู้ป่วย เน้น “ยาถึง พึ่งตนเอง” จะให้ความรู้ความเข้าใจต่อการเจ็บป่วย การกินยาอย่างต่อเนื่อง เฝ้าระวังป้องกันอาการกำเริบ 2. มิติด้านผู้ดูแล คือการทำความเข้าใจกับผู้ดูแลให้เข้าใจการเจ็บป่วยทางจิตว่า จำเป็นต้องได้รับการรักษา เรียนรู้ทักษะในการดูแลผู้ป่วยอย่างถูกวิธี พร้อมทั้งดูแลจิตใจตนเองไม่ให้เครียด การหาแหล่งช่วยเหลือทางสังคม และปรับเปลี่ยนทัศนคติ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่ามขังผู้ป่วย และมิติที่ 3. ด้านชุมชน ทำความเข้าใจกับชุมชนให้ยอมรับ เข้าใจและเห็นใจผู้ป่วย ว่าไม่ใช่คนบ้า แต่เป็นคนที่มีความผิดปกติทางจิต มองว่าการล่ามขังเป็นปัญหาของชุมชน และจะเป็นปัญหากับผู้ป่วยทวีคูณ ต้องให้ความช่วยเหลือต่างๆ ในการดำเนินชีวิต เพื่อแบ่งเบาภาระของญาติในการดูแลผู้ป่วย.