นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลวิภาวดี กล่าวว่า โรงพยาบาลวิภาวดีได้มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือการแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาล หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในอีก 3 ปีข้างหน้า ทั้งในแง่ขยายเครือข่ายโรงพยาบาลให้ครอบคลุมพื้นที่
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลเครือข่ายมากกว่า 20 แห่ง ค่อนข้างครอบคลุมโดยเฉพาะเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ภายใต้กลุ่มวิภารามได้เข้าไปร่วมทุนกับโรงพยาบาลพันธมิตร ขณะนี้อยู่ระหว่างการรีโนเวตและสร้างใหม่ อาทิ วิภาราม-ชัยปราการ, วิภาราม-สมุทรสาคร และวิภาราม-อมตะนคร เป็นต้น
"เราขยายไปตามชานเมืองมากขึ้น ตามการขยายตัวของชุมชนเมือง ดังนั้นจึงต้องมีสถานพยาบาลไว้รองรับด้วย ภายในปีนี้ยังไม่มีแผนเพิ่มความร่วมมือ แต่ก็มีเจรจากันอยู่บ้าง เราเตรียมความพร้อมในแง่ของการขยายเครือข่ายโรงพยาบาลออกไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า เมื่อเปิดเออีซีเชื่อว่าค่อนข้างมีความพร้อม และสิ่งแรกที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาก็ต้องหาพันธมิตร เราก็พร้อมที่จะร่วมทุน ขณะนี้มีกลุ่มโรงพยาบาลไม่กี่กลุ่ม เราก็ถือเป็นหนึ่งในทางเลือก"
นอกจากนี้ ยังมุ่งเพิ่มการเติบโตของโรงพยาบาลวิภาวดีเอง โดยมีแผนยื่นขอรับรองมาตรฐานเจซีไอ (Joint Commission International) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าต่างชาติ รวมถึงการเพิ่มบริการให้มีความหลากหลายทั้งบริการที่เกี่ยวกับการรักษาโรค และบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ซึ่งถือเป็นธุรกิจเสริมที่ช่วยเพิ่มโอกาสการทำกำไรและรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจในการดูแลตัวเองมากขึ้น โดยใช้จุดแข็งของโรงพยาบาลที่มีฐานลูกค้าสมาชิกกว่า 1 แสนคน และมีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการ 1,500-1,800 คนต่อวัน
อาทิ ศูนย์ผิวหนังและเลเซอร์ ซึ่งเปิดมาครบ 5 ปีพบว่าได้รับการตอบรับอย่างดี และเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วหรือเติบโตกว่าเท่าตัว จึงมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการและนำเครื่องมือใหม่เข้ามาให้บริการเร็ว ๆ นี้ นอกจากนี้ก็มีศูนย์พัฒนาศักยภาพนักกอล์ฟและศูนย์ฟิตเนส
ทั้งนี้ มีแผนทำการตลาดศูนย์ผิวหนัง และศูนย์หัวใจให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จากเดิมที่เน้นใช้การประชาสัมพันธ์ภายในโรงพยาบาล อาทิ สื่อบิลบอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์ศูนย์ผู้มีบุตรยากและได้รับการตอบรับอย่างดี มีผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยทั้งปีนี้ได้เตรียมงบฯการตลาดกว่า 20 ล้านบาท ขณะที่การก่อสร้างตึกใหม่ใช้งบฯลงทุนกว่า 500 ล้านบาท คาดว่าจะพร้อมเปิดใช้ภายในเดือนตุลาคมนี้
สำหรับตลาดต่างประเทศ นายชัยสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่มีแผนลงทุนสร้างโรงพยาบาล แต่ปีนี้ได้มีความร่วมมือกับคลินิกท้องถิ่นในประเทศพม่า โดยจะมีหน่วยแพทย์ออกตรวจและส่งต่อคนไข้เข้ามารักษาที่ ร.พ.วิภาวดี ซึ่งขณะนี้มีคนไข้พม่าเข้ามาใช้บริการศูนย์ผู้มีบุตรยาก และศูนย์กระดูกและข้อเฉลี่ย 20-30 รายต่อเดือน ล่าสุดยังเตรียมที่จะเซ็นสัญญาความร่วมมือกับคลินิกในลาว จัดทำเมดิคอลทัวริซึ่ม ปัจจุบันมีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติ 5% หลัก ๆ ยังเป็นคนไทย 95%
11 ก.ย. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
