๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
เรื่อง ขอกล่าวโทษ
เรียน เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ด้วยข้าพเจ้า แพทย์หญิงเชิดชู อริยศรีวัฒนา อายุ ๖๔ ปี อาชีพข้าราชการบำนาญ อยู่บ้านเลขที่ ๙๙๙/๓๘ หมู่ ๒ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร และแพทย์หญิงอรพรรณ์ เมธาดิลกกุล อายุ ๕๔ ปี
อยู่บ้านเลขที่ ๑๓๖/๖ หมู่ ๑๗ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร มีความประสงค์จะขอกล่าวโทษ ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐและเคยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งดำรงตำแหน่งและเคยดำรงตำแหน่งคณะกรรม การหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และหรือในสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
ข้อ๑. เมื่อระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕ จนถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๓ วันและเวลาใดไม่ปรากฏแน่ชัด ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐประกอบด้วยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และเลขาธิการสำนักงานหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเห็นชอบให้เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นผู้กำหนดอัตราเงิน เดือนบุคลากรได้เอง โดยต่างก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดให้อำนาจไว้ ปัจจุบันเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีเงินเดือนๆ ละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท(สองแสนบาทถ้วน) ส่วนบุคลากรคนอื่นๆ ก็จะมีเงินเดือนและค่าตอบแทนสูงกว่าข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานของรัฐที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ข้อ ๒. เมื่อระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๕๔๕ จนถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๓ วันและเวลาใดไม่ปรากฏแน่ชัด คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมกันกระทำความ ผิดต่อกฏหมาย โดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเห็นชอบ อนุมัติแผนการเงินให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไปทำงานวิจัย และงานประชาสัมพันธ์ โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีกฎหมายใดกำหนดอำนาจ หน้าที่ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้กระทำการดังกล่าว ทำให้ต้องสูญเงินไปนับหลายล้านบาทเข้าข่ายเป็นเจ้า
พนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ข้อ ๓. เมื่อระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๕๒ จนถึงเดือนตุลาคม ๒๕๕๒ วันเวลาใดไม่ปรากฏแน่ชัด คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีมติเห็นชอบอนุมัติแผนการเงินให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ไปทำโครงการ การจัดบริการหน่วยบริการปฐมภูมิที่มีแพทย์ ระยะที่ ๒ (CMU Tract 2) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๐ โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีกฎหมายใดกำหนดอำนาจ หน้าที่ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้กระทำการดังกล่าว ทำให้ต้องสูญเงินไปนับหลายล้านบาทเข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ข้อ ๔. เมื่อระหว่างเดือนมกราคม ๒๕๕๒ จนถึงเดือนตุลาคม ๒๕๕๒ วันเวลาใดไม่ปรากฏแน่ชัด ภายหลังที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพ
แห่งชาติ มีมติเห็นชอบอนุมัติแผนการเงินให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้ดำเนินงการ การจัดบริการหน่วยบริการปฐมภูมิที่มีแพทย์ ระยะที่ ๒ (CMU Tract 2) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๐ แล้ว เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และรองสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(นายประทีป ธรกิจเริญ) ได้ร่วมกันบริหารโครงการดังกล่าว โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีกฎหมายใดกำหนดอำนาจหน้าที่ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้กระทำการดังกล่าว ทำให้รัฐต้องเสียหายไปหลายล้านบาทเข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ข้อ ๕. เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งในการออกข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ ว่าด้วยพัสดุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๐ ในข้อ ๑๒ โดยให้เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพ มีอำนาจในการอนุมัติการจัดหาพัสดุประเภทยาเช่น ยาต้านไวรัสเอดส์จากองค์การเภสัชกรรม ในวงเงินครั้งละ ๑,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยรู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีอำนาจเช่นนั้น และรู้อยู่แล้วว่าไม่มีกฎหมายใด ให้อำนาจเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพ เป็นผู้มีหน้าที่ซื้อยาให้แก่หน่วยบริการ
(โรงพยาบาล) รายละเอียดปรากฎตามสำเนาข้อบังคับสำนักงานหลักประกันสุขภาพ ว่าด้วยพัสดุ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๕๐
การกระทำดังกล่าว เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ข้อ ๖. เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๒ รองเลขาธิการสำนักงานหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ(นายประทีป ธรกิจเจริญ) ได้อาศัยอำนาจในตำแหน่งรักษาการแทนรองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ออกประกาศรองเลขาธิการสำนักงานหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง การบริหารงานงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าจูงใจให้บุคลากรของผู้ให้บริการ ทั้งๆที่ไม่มีอำนาจ หน้าที่ให้กระทำการเช่นว่านั้น ทำให้รัฐเสียหาย เป็นเงินหลายร้อยล้านบาท จึง เข้าข่ายเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗
ข้าพเจ้าทั้งสองจึงขอกล่าวโทษบุคคลดังกล่าวข้างต้นว่า เป็นผู้กระทำความผิดทางอาญา ขอท่านได้โปรดรับเรื่องกล่าวโทษฉบับนี้ไว้พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
จึงเรียนมาเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป