ผู้เขียน หัวข้อ: กกอ.ยันให้สิทธิ์นศ.พยาบาลติดเชื้อ HIV เรียนต่อ  (อ่าน 1165 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
รองเลขาธิการ กกอ. เผยกรณีนักศึกษาพยาบาลมีเชื้อเอชไอวี ควรให้สิทธิ์นักศึกษาตัดสินใจว่าจะเลือกกลับเข้าศึกษาต่อหรือไม่ ชี้ไม่มีข้อห้าม ถือว่าไม่ใช่โรคติดต่อโดยง่าย ยังรักษาคนไข้ได้...

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวกรณีนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจำนวน 3 ราย ยื่นข้อเรียกร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่าถูกให้ออกจากภาควิชาที่เรียนอยู่โดยไม่เป็นธรรม ภายหลังผลตรวจเลือดพบว่ามีเชื้อเอชไอวีว่า ตนจะสอบถามอธิการบดีอีกครั้ง คงพูดไม่ได้ว่ามหาวิทยาลัยผิด แต่ต้องยอมรับว่าวิธีการอาจไม่ถูกต้องนัก ซึ่งปกติการตรวจเลือดจะต้องบอกนักศึกษาก่อนว่า จะตรวจหาเชื้ออะไรบ้าง ถ้าตรวจหาเชื้อเอชไอวี ก็ต้องบอกนักศึกษาให้ชัดเจนว่าเมื่อพบเชื้อดังกล่าวจะต้องถูกให้ออกจากภาควิชา ถ้าเด็กยินยอม ก็สามารถตรวจได้

"ผลการตรวจเลือดไม่สามารถให้บุคคลที่สามรับรู้ได้ รวมถึงฝ่ายบริหารเองก็ไม่มีสิทธิ์รับรู้เช่นกัน ดังนั้นแนวทางที่ปฏิบัติกันมาในกลุ่มนักศึกษาที่เรียนด้านสาธารณสุข คือการจัดทำข้อตกลงร่วมกันว่านักศึกษาจะต้องสมัครใจที่จะเข้ารับการตรวจเลือด ซึ่งหากนักศึกษาไม่สมัครใจสามารถแจ้งรายละเอียดดังกล่าวแก่คนไข้ที่นักศึกษาดูแลได้ว่า นักศึกษาคนนี้ไม่ยินยอมรับการตรวจเลือดได้ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีข้อห้ามไม่ให้เด็กที่ติดเชื้อเอชไอวีเรียน เพราะถ้าห้ามก็ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน" รศ.นพ.กำจร กล่าว

รองเลขาธิการ กกอ. กล่าวอีกว่า นักศึกษาที่พบว่าป่วยเป็นโรคเอดส์ยังสามารถรักษาคนไข้ได้ เพราะไม่ได้มีข้อห้ามใดๆ ไม่ได้เป็นโรคที่ติดต่อง่าย แต่ที่กำหนดไว้มีเพียงโรคเดียวเท่านั้นที่ไม่อนุญาตให้นักศึกษาเรียนต่อ คือวัณโรค เพราะถือว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง ที่สามารถติดต่อได้ง่ายโดยการไอ หรือจาม เพราะอาจส่งผลกระทบให้คนอื่นๆ ติดเชื้อไปด้วย โดยนักศึกษาจะต้องพักรักษาตัวให้หายขาดก่อนจึงมาเรียนได้ ดังนั้นกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้ควรให้สิทธิ์แก่นักศึกษาเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเลือกกลับเข้าไปศึกษาต่อหรือจะดำเนินการอย่างไร.

โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์