ผู้เขียน หัวข้อ: “เจ๊ปิ๊ก” พาแม่เด็กบุก สธ.ร้อง 3 สถานพยาบาลรักษาชุ่ย  (อ่าน 1302 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
“เจ๊ปิ๊ก” พาแม่เด็กบุก สธ.ร้องขอความเป็นธรรม หลัง 2 รพ.และ 1 สถานีอนามัยรักษาชุ่ย ทำเด็กตาย 1 ราย นอนไม่ได้สติอีก 2 ราย “หมอไพจิตร์” สั่งตั้ง คกก.ตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยันจะเยียวยาตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ
       
       วันนี้ (27 ส.ค.) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้เดินทางนำผู้ร้องทุกข์จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางมลจันทร์ คงเพ็ง อายุ 23 ปี น.ส.ศรีเนตร เอี่ยมรุ่งโรจน์ อายุ 28 ปี และนางสิรินทร์ ศรีจันทรา อายุ 30 ปี เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.
       
       นางมลจันทร์ กล่าวว่า ตนได้คลอดบุตรที่โรงพยาบาลพุทธโสธร ในวันที่ 25 พ.ค.และต่อมาบุตรได้เสียชีวิตในวันที่ 26 พ.ค.ซึ่งแพทย์แจ้งว่าเด็กติดเชื้อจากทางช่องคลอด แต่ตนยังไม่ปักใจเชื่อในสาเหตุการเสียชีวิตของบุตร เนื่องจากตลอดระยะเวลาของการฝากครรภ์แพทย์ก็แจ้งว่าเด็กเด็กแข็งแรงและปกติ ด้วยเหตุนี้ตนจึงเข้าร้องต่อนางปวีณาและภายหลังจากการรับแจ้งนางปวีณา ได้ประสาน กับ พ.ต.อ.สนั่น บุญเผื่อน ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อทำหนังสือส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ แล้ว โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน
       
       ด้าน น.ส.ศรีเนตร กล่าวว่า ตนได้พาบุตรชายอายุ 2 เดือน ไปรับการรักษาที่สถานีอนามัยบึงกาสาม จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ด้วยอาการไอ เจ็บตา แต่พยาบาลกลับฉีดวัคซีนให้ ซึ่งตนพยายามแจ้งกับพยาบาลให้ทราบว่า ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ เนื่องจากบุตรคลอดก่อนกำหนด แต่พยาบาลก็ยังฉีดให้ ส่งผลให้พอกลับมาถึงบ้านไม่กี่ชั่วโมงบุตรก็มีอาการตัวร้อน ซึมลง ไม่กินนม จนเช้าวันที่ 9 ส.ค.บุตรมีอาการตัวเขียว จึงได้นำบุตรส่ง รพ.หนองเสือ โดยระหว่างทำการรักษาอยู่นั้นบุตรหยุดหายใจไป 1 ครั้ง แพทย์จึงให้ออกซิเจน หลังจากนั้น จึงส่งต่อไปที่ รพ.ปทุมธานี หมอแจ้งว่า เด็กขาดออกซิเจน ทำให้ตัวซีดและมีไข้สูง โดยขณะนี้ทาง รพ.ให้การช่วยเหลือโดยการให้เลือด น้ำเกลือ และเครื่องช่วยหายใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อตนติดต่อไปยังสถานีอนามัยก็ไม่มีใครออกมารับผิดชอบและยังออกตอบกลับมาว่า ไม่ได้ทำร้ายเด็กแต่ช่วยเหลือเด็ก ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครออกมารับผิดชอบ
       
       ส่วน นางสิรินทร์ กล่าวว่า ตนมีกำหนดผ่าคลอดในวันที่ 1 ส.ค.แต่ว่าตนเจ็บท้องในวันที่ 29 ก.ค.ทำให้ต้องคลอดก่อนกำหนด จึงเดินทางไปที่ รพ.สมุทรปราการ เพื่อทำคลอดโดยใช้สิทธิบัตรทอง และตนได้แจ้งรายละเอียดกับพยาบาลให้ทราบก่อนแล้วว่า หมอนัดตนผ่าคลอดในวันที่ 1 ส.ค.เนื่องจากมีภาวะเบาหวาน ส่งผลให้เด็กในท้องตัวใหญ่ผิดปกติมีน้ำหนักเกือบ 5 กิโลกรัม แต่พยาบาลกลับบอกว่า หมอที่ฝากครรภ์ไม่ได้เข้าเวรวันนี้ ดังนั้นต้องคลอดเองไม่มีการผ่าตัด ทั้งนี้ ตนก็ได้ย้ำอีกว่าต้องไม่มีแรงคลอดเองแต่พยาบาลก็ไม่รับฟัง จากนั้นพยาบาลให้ตนออกแรงเบ่ง ตนก็พยายามเบ่ง แต่เนื่องจากมีภาวะเบาหวานจึงไม่มีแรงเบ่งมากพอ ส่งผลให้หัวของเด็กโผล่ออกมาจากช่องคลอดได้ แต่หัวไหล่ไม่สามารถออกมาได้ คอเด็กจึงคาอยู่ที่ช่องคลอดนานกว่า 15 นาที ทำให้เด็กหายใจไม่ออก หมอจึงตัดสินใจใช้วิธีหัตถการกับเด็กคือหักไหล่เด็กแล้วดึงตัวเด็กออกมา แต่พอบุตรออกมาตนก็สังเกตว่า บุตรชายหมดสติ และไม่มีการร้อง จากนั้นหมอก็รีบนำตัวบุตรไปที่ห้องไอซียูแรกเกิด ต่อมาภายหลังทราบว่า จากการทำคลอดส่งผลให้บุตรชาย หัวไหลหัก แขนขวาหัก แขนซ้ายลีบไม่มีแรง ปอดติดเชื้ออวัยวะต่างๆ ในร่างกายไม่ทำงาน สมองสั่งการเพียง 10% ประสาทตาไม่ทำงานและมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง และที่สำคัญตอนหมอส่งบุตรไปห้องไอซียู ไม่ได้แจ้งกับตนว่าบุตรแขนขาหัก ซึ่งตนมาทราบหลังจากไปอยู่ห้องไอซียูแล้ว 2 สัปดาห์ ว่า บุตรแขนขาหัก ทั้งนี้ บุตรได้รับการใส่เฝือกเมื่อวันที่ 14 ส.ค.โดยขณะนี้บุตรยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลและยังไม่รู้สึกตัว ด้วยเหตุนี้ ตนจึงอยากขอความเป็นธรรมจึงเดินทางมาร้องเรียนในวันนี้
       
       ด้าน นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ตนจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีเด็กที่เสียชีวิตนั้นจะให้ตรวจสอบอีกครั้งโดยจะคอยผลการชันสูตรจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ต่อไป ทั้งนี้ตนจะสั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกับ 2 โรงพยาบาล คือ รพ.พุทธโสธร, รพ.สมุทรปราการ และสถานีอนามัยบึงกาสาม ที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นนั้นจะมีการให้พิจารณาชดเชยตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพ ซึ่งจะเยียวยาความเสียหายทางการแพทย์โดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ผิดถูก โดยเป็นการรีบให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น