ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.พัฒนาระบบยาสนองนโยบายยาดีมีคุณภาพไม่แพง  (อ่าน 861 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
สธ.เร่งพัฒนาระบบบริหารยาประเทศ 6 ยุทธศาสตร์ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเชื่อมโยงกับ 3 กองทุน เพื่อคนไทยได้ใช้ยาดี มีคุณภาพ ไม่แพง พร้อมควบคุมค่าใช้จ่ายยาของข้าราชการ ภายในปีงบ 56 ...

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2555 นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้เร่งดำเนินการพัฒนาระบบบริหารยาของประเทศ ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประชาชนไทยได้ใช้ยาคุณภาพดี ราคาไม่แพง เหมาะสมกับโรค ให้เกิดความคุ้มค่าและเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยได้ตั้งคณะกรรมการกำหนดระบบการบริหารยา เวชภัณฑ์ การเบิกจ่ายค่าตรวจวินิจฉัย และค่าบริการทางการแพทย์ เน้น 6 ยุทธศาสตร์หลัก ประกอบด้วย 1.การเจรจาต่อรองราคายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ยาที่มีผู้ผลิตรายเดียว และยาที่มีมูลค่าการใช้สูงเริ่มใน 4 รายการแรก ได้แก่ ยาในกลุ่มยาต้านการอักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ยาลดน้ำตาลในเลือด และยาปฏิชีวนะ รวมถึงให้มีการเจรจาต่อรองราคาน้ำเกลือที่ผลิตในประเทศและหามาตรการป้องกัน ปัญหาการขาดแคลนน้ำเกลือ

2.ส่งเสริมให้โรงพยาบาลรัฐใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติและยาชื่อสามัญเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ใช้ร้อยละ 50 เป็นให้ได้ร้อยละ 80 และจัดให้มีกลไกและระบบการประกันคุณภาพยาชื่อสามัญ 3.กำหนดแนวเวชปฏิบัติ ข้อบ่งชี้การใช้ยา การตรวจวินิจฉัยโรค และการรักษาพยาบาล 4.พัฒนาระบบตรวจสอบการรักษาพยาบาล การตรวจวินิจฉัย แนวทางการใช้ยา และการเบิกจ่ายให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกกองทุน 5.พัฒนาบัญชียาและรหัสยามาตรฐาน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการยาของ 3 กองทุนสุขภาพ เชื่อมโยงระบบข้อมูลสารสนเทศด้านยาของประเทศ เพื่อให้สามารถติดตามและตรวจสอบการใช้ยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 6.การปรับปรุงกลไกการจ่ายเงินโดยใช้เกณฑ์กลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม เพื่อพัฒนาอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลในกลุ่มโรคเดียวกันในโรงพยาบาลแต่ละระดับให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

นอกจากนี้ ให้เร่งดำเนินการหามาตรการกำกับดูแลค่าใช้จ่ายด้านยาของระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีสัดส่วนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกมากถึงร้อยละ 73 ของค่าใช้จ่ายทั้งหมด และในจำนวนนี้เป็นค่ายาถึงร้อยละ 83 โดยหากสามารถส่งเสริมให้โรงพยาบาลรัฐใช้ยาในบัญชียาหลักแห่งชาติหรือยาชื่อสามัญเพิ่มขึ้น คาดว่าจะช่วยประหยัดงบประมาณได้ถึง 4,000-5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างครบถ้วนรอบด้านเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และสามารถนำมาใช้ได้ภายในปีงบประมาณ 2556 กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะอนุกรรมการ 6 คณะดูแลรับผิดชอบในแต่ละยุทธศาสตร์ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้การดำเนินงานมีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง และจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าเป็นระยะทุก 1 เดือน