นายสุดใจ ตะภา แกนนำกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคอีสาน 20 จังหวัด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มได้มีแถลงการณ์คัดค้านการนำนโยบายการเก็บ 30 บาทกลับมาใช้อีกในวันที่?1 ก.ย.2555 ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยอ้างว่าเพื่อลดปัญหาการขาดทุน ของสถานพยาบาลในระบบและต้องการให้ประชาชนใช้บริการเท่าที่จำเป็น ซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคอีสาน ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว เพราะการไม่เก็บเงิน 30 บาทต่อครั้ง ไม่ใช่สาเหตุสำคัญทีประชาชนจะไปโรงพยาบาลมากขึ้น เพราะฉะนั้น การเพิ่มจำนวนของผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติรัฐบาลต้องนำปัจจัยอื่นๆ มาประเมินร่วมด้วย ผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงไม่ใช่จำเลยที่ทำให้ระบบสาธารณสุขต้องล้มละลาย
นายสุดใจกล่าวว่า ส่วนการให้การบริการในหน่วยงานบริการของผู้ป่วยในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลจะต้องสนับสนุนงบประมาณ เหมาจ่ายรายหัว โดยที่ประชาชนได้ร่วมจ่ายผ่านการเสียภาษีอยู่แล้ว
ขณะที่ระบบบริการสุขภาพอื่น คือ สิทธิสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเช่นกัน แต่ผู้ใช้ไม่ต้องร่วมจ่ายเพิ่ม ทั้งนี้ กลุ่มคนรักประกันสุขภาพภาคอีสาน ไม่เห็นด้วยกับการกลับมาใช้นโยบายการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 30 บาทต่อครั้ง
นอกจากนี้ การเก็บ 30 บาทไม่ได้ช่วยพัฒนาคุณภาพหน่วยบริการได้จริงตามที่อ้าง ทั้งนี้ เมื่อปี 2546 รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บค่ารักษาพยาบาลครั้งละ 30 บาท รวมทั้งหมด 1,073 ล้านบาท เป็นร้อยละ 1.9 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับอัตราค่าเหมาจ่ายรายหัวที่รัฐบาล ต้องจัดสรรเข้าระบบ ทั้งนี้ กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคอีสานได้ใช้งบประมาณส่วนร่วมในกลุ่ม ทำบัตร ประสงค์ไม่ร่วมจ่าย 30 บาท ตามวงเล็บ 21 แต่พร้อมบริจาคโดยสมัครใจ จำนวน 30-50 ชุด โดยได้ตั้งกล่องรับบริจาคไว้ที่โรงพยาบาลต่างๆ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถานบริการ
อย่างไรก็ตาม สิทธิของบุคคลซึ่งเป็นผู้บริโภค ย่อมได้รับการคุ้มครองในการได้รับข้อมูลที่เป็นจริง และมีสิทธิร้องเรียน
เพื่อให้ได้รับการแก้ไขเยียวยาความเสียหาย รวมทั้งมีสิทธิ รวมตัวกันเพื่อพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค โดยให้มีองค์การเพื่อการคุ้มครอง
ผู้บริโภคที่เป็นอิสระจากหน่วยงานรัฐบาล กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพภาคอีสาน จึงขอย้ำว่าประชาชนมีสิทธิไม่ร่วมจ่าย 30 บาท?ตามวงเล็บ 21 ของประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่องบุคคลที่ไม่ต้องร่วมจ่ายค่าบริการ พ.ศ.2555
