ผู้เขียน หัวข้อ: เมียอดีตผู้คุมคุกนครศรีฯ เจอ 2 เด้ง รพ.ต้นสังกัดสอบวินัยร้ายแรง ตร.เตรียมออกหมาย  (อ่าน 2096 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
รอง ผบก.ภ.นครศรีเผยความคืบหน้าคดียึดทรัพย์อดีตผู้คุมเรือนจำ ยังมีอีกนับร้อยล้านในบัญชีผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี และกำลังโยกย้ายทรัพย์สินด้วยการซื้ออสังหาฯ เตรียมขอหมายจับเพิ่มชุดที่สองกว่า 20 ราย ส่วนภรรยาผู้คุมซึ่งเป็นพยาบาลวิชาชีพเจออีกชั้น รพ.ต้นสังกัดเตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
       
       หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนขบวนการค้ายาเสพติดและเครือข่าย เป็นผลสืบเนื่องมาจากการเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 - 23 เม.ย. 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนและถอดรหัสข้อมูล ทั้งจากโทรศัพท์มือถือ และเอกสารต่างๆ รวมทั้งข้อมูลทางการเงิน จนนำไปสู่การขยายผลและสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 8 รายแรก
       
       นำโดยนายณัฐพล ระย้า อดีตเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่เพิ่งถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมไปถึงนางสรรุจีย์ ระย้า ภรรยา, น.ส.สกาวเดือน ทิพย์แก้ว, น.ส.สิรินทิพย์ ยกเต้ง และ น.ส.รุ่งนภา อาจารีพิพัฒน์ ชาวอำเภอหัวไทร โดยสามารถยึดทรัพย์สินต่างๆ ได้เป็นจำนวนมาก เช่น บ้านพร้อมที่ดิน บ้านพักตากอากาศริมชายหาดใน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช รถยนต์หรู 3 คัน เงินสดในบัญชี 6 ล้านบาท และบัญชีเงินหมุนเวียนโดยมีผู้ถือแทนรวม 25 บัญชี จำนวนกว่า 68 ล้านบาท
       
       ความคืบหน้าในการยึดทรัพย์และจับกุมเครือข่ายของเจ้าหน้าที่เรือนจำนครศรีธรรมราช ล่าสุดวันนี้ (24 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนยังคงสืบค้นข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และยังคงมีการทำสำนวนในคดีการเข้าค้นเรือนจำอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีสำนวนเป็นจำนวนมากที่จะต้องค่อยๆ ทยอยปิดสำนวนเพื่อนำไปสู่การดำเนินการกับผู้ต้องหา
       
       พ.ต.อ.ภูดิส นรสิงห์ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ความคืบหน้ายังคงมีความเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มูลค่าทรัพย์สินที่ที่ยึดได้เมื่อวานนี้มีทรัพย์สินรวม 13 ล้านบาท บัญชีเงินหมุนเวียน 25 บัญชี รวม 68 ล้านบาท และยังคงสืบทรัพย์ต่อไป
       
       “อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เครือข่ายทั้งหมดรู้ว่าเรากำลังสืบสวนด้วยการตามทรัพย์สิน จึงมีการยักย้ายกันเป็นจำนวนมาก ด้วยการไปซื้อทรัพย์สินหลายอย่าง แต่ยังไม่มีการโอนกรรมสิทธิ์ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นคนใกล้ชิดของขบวนการ คนในเครือข่ายนี้โยงใยกันทั้งหมดทุกกลุ่ม การเสนอออกหมายจับรอบหลังนั้นมีอยู่ประมาณอีกกว่า 20 ราย ช่วงนี้กำลังดำเนินการ ขณะที่ผู้ต้องหาที่เราได้ตัวมาแล้วทั้ง 6 รายนั้นได้ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนช่วยเหลือให้มีการกระทำความผิดตามพรบ.ยาเสพติด ซึ่งจะเป็นความผิดที่มีโทษเดียวกับผู้จำหน่ายยาเสพติด คือหากผู้จำหน่ายมีโทษประหารคนพวกนี้จะมีโทษเช่นเดียวกัน” รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวและเสริมอีกว่า
       
       หลังจากปฏิบัติการเมื่อวันที่ 22 - 23 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น การทำงานของเจ้าหน้าที่ท่ามกลางข้อมูลจำนวนมาก และใช้เวลากว่า 4 เดือนจึงจะออกหมายจับกลุ่มเครือข่ายชุดแรกได้ ช่วงเวลานี้เป็นการเปิดโอกาสให้กับเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำได้ตั้งหลักที่จะสู้ มีการหารือกันว่าหากมีการซักถามสอบสวนแล้วจะต้องให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ว่าอย่างไรเพื่อให้มาถึงตัวน้อยที่สุด และเชื่อว่าในอนาคตที่จะมีการยึดทรัพย์เพิ่มเติมของเครือข่ายจากเรือนจำนั้นจะมีทรัพย์สินที่ได้มานั้นน้อยลง ซึ่งมีการตัดตอนไปมาก ซึ่งพูดได้ว่าขณะนี้มีขบวนการได้ตั้งหลักได้มากขึ้น
       
       “ส่วนเรื่องของผู้ต้องหาคือ นางสรรุจีย์ ระย้า ภรรยาของนายณัฐพล นั้นเป็นข้าราชการตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ ได้ถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ดำเนินการไปแล้ว โดยพนักงานสอบสวนจะต้องทำหนังสือถึงผู้บริหารของโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ต้นสังกัดของนางสรรุจีย์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของทางการ ซึ่งเป็นอำนาจของทางผู้บริหารว่าจะดำเนินการอย่างไร” รอง ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของนางสรรุจีย์ ระย้า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ไปรอจับกุมที่ลานจอดรถของข้าราชการในโรงพยาบาลชื่อดังใน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อกลางดึกของวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ได้รายงานการจับกุมส่งไปยังโรงพยาบาลต้นสังกัด และขณะนี้ทางผู้บริหารได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว หลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงตามมาอีกครั้งเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอน และให้ความเป็นธรรมกับนางสรรุจีย์ที่จะได้มีโอกาสชี้แจงพร้อมทั้งแสดงพยานหลักฐานต่างๆ อย่างเต็มที่หากมีการปฏิเสธข้อกล่าวหา
       
       ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้ง 6 รายนั้น ช่วงสายของวันนี้ (24 ส.ค.) พ.ต.ท.บุญมี ศิริปาละกะ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้คุมตัวผู้ต้องหา 5 รายประกอบด้วยนายณัฐพล ระย้า อดีตเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช, นางสรรุจีย์ ระย้า ภรรยา, น.ส.สกาวเดือน ทิพย์แก้ว, น.ส.สิรินทิพย์ ยกเต้ง และ น.ส.รุ่งนภา อาจารีพิพัฒน์ เพื่อขออำนาจศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชฝากขังเป็นผลัดแรก และคัดค้านการประกันตัว ส่วนอีกรายคือ นช.สรายุทธ เพชรดี นักโทษคดียาเสพติดที่ต้องหาในคดีนี้ด้วยนั้นได้อายัดตัวไว้แล้วเนื่องจากอยู่ในการควบคุมอยู่แล้ว
       
       ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หลังจากการยึดทรัพย์และจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 5 รายวานนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงติดตามผู้ต้องหาที่เหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 1 ใน 2 คนร้ายที่ยังเหลือนั้นถือเป็นรายสำคัญ หมายจับที่ออกมาในกรณีนี้ไม่ใช่หมายแรกซึ่งในคดีก่อนหน้านี้ถูกสั่งไม่ฟ้องไป แต่โชคไม่ดีคลาดกันเพียงเล็กน้อยขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมและยังคงเฝ้าติดตามอย่างไม่ลดละ
       
       “บัญชีทางการเงินที่เราค้นพบนั้นมีวงเงินหลายร้อยล้านบาท และเขาไม่ได้เกี่ยวกันเฉพาะกับผู้คุมรายนี้ มีอยู่หลายกลุ่มที่เขาเกี่ยวพันด้วย ตอนนั้นเราได้เสนอ ปปง.เข้ามาจัดการด้วย เนื่องจากการทำธุรกรรมหนึ่งครั้งจะมีความผิด 1 กรรม โทษจะหนักมาก” ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว
       
       ส่วนความคืบหน้าในคดีสังหารเจ้าหน้าที่เรือนจำ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.นครศรีธรรมราช ระบุว่าการประชุมทุกครั้งมีความคืบหน้าไปตามลำดับ และขณะนี้เรารอชุดข้อมูลบางอย่าง คาดว่าจะเข้ามาในวันนี้ หากได้มาแล้วตรงกับข้อมูลที่มีอยู่ทั้งหมดจะชัดเจน แต่หากไม่ตรงนั้นจะต้องมีประเด็นเพิ่มขึ้นมาอีก


 ASTVผู้จัดการออนไลน์    24 สิงหาคม 2555