ผู้เขียน หัวข้อ: 'เครือข่ายเหยื่อน้ำเมา' เชียร์ ครม.ขึ้นภาษีสินค้าบาป  (อ่าน 1099 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
“เครือข่ายเหยื่อน้ำเมา” ปลื้ม ครม.ปรับขึ้นภาษีสินค้าบาป เชื่อลดแรงจูงใจการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยันไม่กระทบสังคม...

เมื่อวันที่ 22 ส.ค.  ที่กรมสรรพสามิต กลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ และมูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา กว่า 30 คน เข้าพบ นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อสนับสนุนนโยบายที่กระทรวงการคลังเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที

ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับขึ้นภาษีสุราขาวนั้นจากเดิมที่เก็บ 120 บาทต่อลิตร จะปรับเพิ่มเป็น 150 บาทต่อลิตร สุราผสมจากเดิมที่เก็บ 300 บาทต่อลิตร จะปรับเพิ่มเป็น 350 บาทต่อลิตร

นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ที่ปรึกษาเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ที่เครือข่ายฯ มาวันนี้ เพื่อต้องการสนับสนุนนโยบายของกรมสรรพสามิต ที่เสนอ ครม.ให้มีมติปรับขึ้นภาษีประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมาตรการราคาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดแรงจูงใจในการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดการบาดเจ็บ พิการ เสียชีวิตโดยมีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น

นายจะเด็จ กล่าวว่า เครือข่ายฯ ต้องขอบคุณกรมสรรพสามิตที่เล็งเห็นถึงปัญหาสังคม เพราะมาตรการปรับขึ้นภาษีสุราจะเป็นแรงสำคัญในการลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์การบริโภคจะลดลง โดยเฉพาะคนในชนบท กลุ่มผู้ใช้แรงงาน ที่ปกตินิยมดื่มสุราขาวเป็นจำนวนมาก และยืนยันว่ามาตรการเพิ่มภาษีถือว่ามาถูกทาง ประกอบกับกฎหมายที่รัฐบาลเคยทำไปก่อนหน้านี้ คือการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะขณะขับขี่ หรือโดยสารอยู่บนรถทุกประเภท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของทุกประเทศในโลกที่ต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพดี



“เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมเนื่องจากสุราเป็นสินค้าอันตราย จึงไม่จำเป็นต่อการบริโภคอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เพื่อให้มาตรการนี้ได้ผลดียิ่งขึ้น ควรจำกัดจำนวนการออกใบอนุญาต และเพิ่มค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุราให้สูงขึ้นด้วย และที่รัฐบาลควรต้องพิจารณาต่อไปคือ เพดานภาษีเบียร์ และวิสกี้ บรั่นดี สุราปรุงพิเศษ ซึ่งขึ้นมาเต็มเพดานแล้ว ควรจะศึกษาและปรับเพิ่มขึ้น โดยไม่ควรมีเพดาน และให้ขึ้นภาษีประจำทุกปีตามเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป เพื่อช่วยลดการดื่มและจำกัดการเข้าถึงโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน” นายจะเด็จ กล่าว

ด้านนายธีระภัทร คหะวงศ์ แกนนำเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางเยาวชนได้เฝ้าระวังเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาอย่างต่อเนื่อง เพราะสาเหตุการเสียชีวิต เจ็บป่วย หรือแม้แต่การกระทำผิดของคนไทย มากกว่าครึ่งมาจากปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งสิ้น โดยเราทำงานกับเยาวชนที่กระทำผิดในสถานพินิจฯ พบว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้นในการก่อเหตุมากกว่า 50%  และนักดื่มมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ดังนั้น การที่กรมสรรพสามิตมีมติขึ้นภาษีสุรา จึงเป็นเรื่องดีที่ภาครัฐได้ตระหนักถึงพิษภัยของแอลกอฮอล์ ซึ่งการขึ้นภาษีจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะสกัดการเข้าถึงและป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ได้

“อยากวอนไปยังเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานให้เอาจริงเอาจังกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น การขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี การขายโดยไม่มีใบอนุญาต เพราะถ้าผู้บังคับใช้กฎหมายเอาจริง ผู้ประกอบการก็จะไม่กล้าละเมิดกฎหมาย ปัญหาก็จะลดลงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สรรพสามิตเองก็ต้องเตรียมการและวางแผนรับมือการค้าเสรีอย่างเป็นระบบด้วย โดยเฉพาะไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) เพราะสุรานำเข้าจากอียูมีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 84% ของสุรานำเข้าทั้งหมด จะทำให้สุรานำเข้าจะทะลักเข้ามาจนเต็มประเทศ บรรดากลไกป้องกันต่างๆ ต้องมีประสิทธิภาพจริงๆ แต่จะดีที่สุด ถ้าไม่เอาทั้งสุราและบุหรี่เข้าสู่การเจรจาการค้าเสรี” นายธีระภัทร กล่าว.