ภญ.สุขศรี อึ้งบริบูรณ์ไพศาล ผอ.สำนักยาและวัตถุเสพติด กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ตั้งแต่มีโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามักจะเกิดคำถามตามมาถึงประสิทธิภาพของยาที่จ่ายให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาล กรมวิทยา ศาสตร์การแพทย์จึงได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทำการสุ่มตรวจมาตรฐานของยา โดยในปี 2546 สุ่มไปทั้งหมด 966 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 110 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 11.4 ปี 2547 สุ่มตรวจ 1,373 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 164 คิดเป็นร้อยละ 11.9 ปี 3548 สุ่มตรวจ 1,902 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 160 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 8.4 ปี 2549 สุ่มตรวจ 1,615 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 140 คิดเป็นร้อยละ 8.4 ปี 2550 สุ่มตรวจ 1,334 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 185 คิดเป็นร้อยละ 14 ปี 2551 สุ่มตรวจ 1,334 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 135 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 10.1 ปี 2552 สุ่มตรวจ 1,151 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 148 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 12.7 ปี 2553 สุ่มตรวจ 960 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 128 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 12.7 ปี 2554 สุ่มตรวจ 581 ตัวอย่าง ผิดมาตรฐาน 35 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 9.8 และปี 2555 สุ่มตรวจ 1,500 ตัวอย่าง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจวิเคราะห์
ทั้งนี้ เมื่อคิดเฉลี่ย10 ปีที่ผ่านมา พบยาที่ได้มาตรฐานร้อยละ 90 และมียาที่ผิดมาตรฐานร้อยละ 10 ซึ่งบางตัวยาเป็นลักษณะละลายช้า บางตัวยามีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 8 ซึ่งถือว่าเกิดมาตรฐาน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อปี2554 ที่ผ่านมาหลังได้รับรายงานดังกล่าว ทาง อย.ได้เข้าไปดำเนินการจนทำให้มีหลายบริษัทที่ปรับมาตรฐานและมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องแล้ว ล่าสุดได้เตรียมตรวจวิเคราะห์ยานอกบัญชียาหลักจำนวน 10 กลุ่ม ในปี 2556 ซึ่งทั้งหมดมีตัวยาสามัญออกมาเรียบร้อยแล้ว
ด้าน ภก.วินิต อัศวกิจวิรี ผอ.สำนักยา อย. กล่าวว่า เมื่ออย.ได้รับรายงานจากทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะมีการเข้าสุ่มตรวจซ้ำ หากพบว่าผิดมาตรฐานจะให้บริษัทเรียกเก็บยาทั้งหมดออกจากทั้งตลาดและปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน
