ผู้เขียน หัวข้อ: เมืองไทยในสายตาคนสิงคโปร์  (อ่าน 4001 ครั้ง)

seeat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 470
    • ดูรายละเอียด
เมืองไทยในสายตาคนสิงคโปร์
« เมื่อ: 01 สิงหาคม 2012, 22:19:54 »
ไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือดีใจดีที่มีคนเข้าใจคนไทยได้ดีมาก       

เมืองไทยในสายตาคนสิงคโปร์

เมื่อวานผมได้มีโอกาสเสวนากับ CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนึงจากสิงคโปร์
มีเรื่องน่าสนใจมาเล่าแชร์ให้ฟังครับ    เป็นสามชั่วโมงของการสนทนาที่ได้ความรู้มากครับ

 1.   เขาบอกว่า อายุขัยของ กรุงเทพ นั้น จากการคำนวนของนักวิทยาศาสตร์และธรณีวิทยา รวมถึงผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ของสิงคโปร์ เค้าบอกว่า มีอายุอีกราวๆ 19 ปี (เค้าใช้คำว่า Life span of Bangkok City ) ถ้าไม่มีการแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น

 2.    หลากหลายเรื่องราวที่เราเห็นจากหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการเมืองในประเทศเรานั้น จริงๆ แล้วเป็นฉากละครฉากหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้ผู้ชม (คนไทย)นั้นเชื่อไปอย่างนั้นเอง
เช่น การทำเหมือนเป็นศัตรูกันของ นักการเมืองแต่แท้จริงแล้วทะเลาะกันบังหน้า เพื่อผลประโยชน์ ฮั้วกันลับหลัง   หลายๆอย่างที่เราเห็นนั้น รัฐบาลของเค้ามีส่วนอยู่ด้วย เชื่อไหมครับว่า เงินของทักษิณที่โอนไปเกาะเคย์แมนนั้น รัฐบาลสิงคโปร์เป็นคนฟอกเงินให้และจัดการส่งไปให้

 3.    เค้าบอกว่า ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นรัฐบาล สุดท้ายเข้าสู่วงจรโกงกินอยู่ดี แน่นอนเพราะผลประโยชน์และเงินสกปรกจะถูก Offer มาโดยรํฐบาลของเค้าเอง รวมถึงนักธุรกิจใหญ่ๆจาก หลายชาติ โดยเฉพาะสิงคโปร์ ฉะนั้นอย่าไปหวังเลยว่า สีเหลืองแดง อะไรทั้งหลาย เขาบอกว่าหนีไม่พ้นหรอก ต่อให้ใครขาวสะอาดมาแค่ไหน สุดท้ายก็ทนเงินก้อนโตที่ถูกยัดให้ปิดปากไม่ไหว

 4 .    20 ปีก่อน รัฐบาลไทยเคยเชิญรัฐบาลสิงคโปร์นำผู้เชี่ยวชาญมาเพือ่ทำการวิเคราะห์ ว่าทำ ยังไงถึงจะแก้ปัญหาผังเมืองและการขนส่งคมนาคม ผลสรุปคือ แก้ไมได้ เพราะ ผังเมืองผิดแต่แรกแล้ว
เค้าแนะนำให้ย้ายเมืองหลวงหรือไม่ก็ขยาย ออกรอบนอกไปไกลๆแล้วตั้งผังเมืองใหม่ จากวันนั้นจนวันนี้ก็ไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด ผิดกับรัฐบาลของสิงคโปร์ที่ จัดทำการวางผังและปรับปรุงตลอดเวลาใหม่ ควบคุมแม้กระทั่งการกระจายตัวของชนชาติต่าง ไม่ให้กระจุกตัวเพื่อสร้างสังคมเฉพาะใหม่ๆขึ้นมา รวมไปถึง มีการสร้างเขื่อนกำแพงรอบและประตูกั้นน้ำ เพื่อป้องกันปัญหา Global warming และน้ำทะเลสูงขึ้นจนท่วมเมืองสิงคโปร์

 5.    คนไทยนั้น เป็นสังคม idol กล่าวคือ เชิดชู บูชา คนที่เด่นดังโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี (ไม่ว่าอยู่ข้างไหนก็ตาม)     ฉะนั้น การชนะใจคนไทยนั้นง่ายมาก   จากเหตุนี้ การเข้ายึดประเทศไทยไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับคนที่มุ่งมั่นตั้งใจ   พ้น  19 ปี น้ำทะเลจะหนุน จนทำให้เกิดการท่วมถาวรในบางพื้นที่ จนสุดท้ายอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆทั้งหลายที่เคยลงทุนไปโดยรัฐบาลจะใช้
ไม่ไ ด้    เสียเงินลงทุนไปเปล่าๆ    เค้าบอกว่า ถ้ายังทะเลาะกันไม่เลิกแบบนี้ ก็เตรียมขายที่ดินใน กทม ทั้งหมดได้เลย

 6.    พอเริ่ม AEC เมื่อไหร่    คนไทย รากหญ้าจะเป็นกลุ่มแรก ที่ซวยที่สุด ตามมาด้วยตระกูล SMEs ทั้งหลาย

 7.    เค้าบอกว่า อย่าได้คิดว่า คนที่ดูดีภายนอก (พวกนายก)จะไม่ทำเรื่องสกปรก    คนส่วนมากไม่รู้   แค่นั้นเอง ยกตัวอย่างเช่น นายกของสิงคโปร์เอง ลีกวนยู ที่สร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ทั้งหลายแก่สิงคโปร์
ทำให้สิงคโปร์พัฒนามาจนมีวันนี้ เบื้องหลังแล้วนั้น เค้าจับคนยัดข้อหาเข้าคุกมากมายโดยที่ไม่มีความผิดอันใด แม้แต่เพื่อเขาเองเขาก็ทำมาแล้ว จุดประสงค์เพียงเพื่อต้องการเสถียรภาพของการปกครอง บางครั้ง   คนที่ยิ่งใหญ่มันก็จำเป็นต้องทำเรื่องเลวๆบ้าง นายกของไทยกี่คนต่อกี่คน
ก็เช่นกัน   ไม่มีข้อยกเว้น

 8.    จุดยุทธศาสตร์ของประเทศไทยนั้น จริงๆแล้วดีมากๆ ในแง่ของที่ตั้งและการเชื่อมต่อ
แต่เขาสงสัยว่าทำไมรัฐบาลไทยมัวแต่ทำอะไรอยู่   ถ้าวางโครงสร้างพื้นฐาน   และ วางกำหนดทิศทางประเทศให้เป็น Center of Asean Distribution ให้ดี    ป่านนี้ คงจะเจริญไปไกลแล้ว

 9.    ทั้ง ไทย   และมาเลเซีย    รวมถึงเวียดนาม    มีปัญหาเดียวกันคือ การรับเงินสกปรกใต้โต๊ะ    การจะเป็นเจ้าของสัมปทานอะไรบางอย่าง หรือ ธุรกิจอะไรที่จะผูกขาดบางอย่าง เช่น กลุ่มพลังงานหรือเหมืองแร่ธาตุสำคัญอะไรทั้งหลาย ทำได้ง่ายกว่าประเทศอื่นๆ    เพราะ คน "ซื้อ" กันได้

 10.    เค้าแนะนำให้รัฐบาลหาทางเปลี่ยนโครงสร้างของค่านิยมและความคิดของประชากรไทย ที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ    ไม่อย่างนั้นเราก็จะอยู่แค่นี้    คนที่รวยจะรวย    คนที่จนจะยิ่งจน และสุดท้ายโครงสร้างของชนชั้นทางสังคม จะกลายเป็น M society กล่าวคือ  M ไหล่ซ้ายแทนคนรวย   
M ไหล่ขวาแทนคนจน    แปลว่าคนชนขั้นกลางจะหายไป หรือ เหลือน้อยลงไปมาก    อนาคต จะกลายเป็น เหลือแค่คนจน และข้ามไปคนรวยเลย

11.    เค้าบอกว่า คนไทยเป็นสังคมที่แปลกคือ เป็นสังคม "รู้ทั้งรู้" คือทุกคนรู้ดีว่าอะไรคือปัญหา     และทุกคนรู้ดีว่าจะแก้ยังไง และทุกคนก็รู้ดีว่าจะไปทางไหน     แต่ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้    แต่ก็เหมือนไม่ทำอะไร

forward from internet