ผู้เขียน หัวข้อ: ผจญภัย "หุบป่าตาด" ป่าดึกดำบรรพ์อันซีนไทยแลนด์  (อ่าน 1857 ครั้ง)

pani

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 756
    • ดูรายละเอียด

แม้โลกทุกวันนี้จะเต็มไปด้วยความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยี ชนิดที่มองไปทางไหนเจอะเจอแต่ความกล้าวล้ำ ทันสมัย อินเทรนด์(ที่ส่วนหนึ่งมักจะมาแบบฉาบฉวยประเดี๋ยวประด๋าว)
       
       กระนั้นเมืองไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดกระแสย้อนยุค(เรโทร)ขึ้นมา กลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ใหม่ของคนในสังคมควบคู่ไปกับความทันสมัยไว เร็ว แรง ของเทคโนโลยีสมัยใหม่
       
       สำหรับกระแสย้อนยุคที่มาแรงมากๆในช่วงแรกเริ่ม เห็นจะหนีไม่พ้นภาพยนตร์หรือหนังย้อนยุคเรื่อง"แฟนฉัน"เมื่อไม่กีปีก่อน ที่นอกจากจะทำรายได้ถล่มทลายยังปลุกกระแสย้อนยุคให้กลับมาโด่งดังอีกครั้ง
       
       ส่งผลให้เมืองไทยในระยะหลัง อบอวลไปด้วยกระแสย้อนยุคต่างๆนานา อาทิ เรื่องของการแต่งกาย เพลง หนัง(ภาพยนตร์) รวมถึงเรื่องของอาหารการกินที่เดี๋ยวนี้ใครมีคำว่าโบราณพ่วงท้าย มักจะขายดิบขายดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ไอติม(ไอศกรีม)โบราณ น้ำหวานโบราณ ก๋วยเตี๋ยวโบราณ ผัดไทโบราณ และกาแฟโบราณที่มีขายกันเกร่อไปหมด(แต่ถึงยังไงพวกหัวโบราณก็ยังคงไม่ได้รับความนิยมอยู่ดี)
       
       ในขณะที่แหล่งร่วมสินค้าของกินอย่างตลาดโบราณนั้น ถือว่ามาแรงมากๆ ถึงขนาดที่มีคนสร้างตลาดใหม่ในบรรยากาศโบราณย้อนยุคขึ้นมาดึงดูดผู้คนกันเลยทีเดียว
       
       อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของความเก่าแก่โบราณนั้น ในแวดวงท่องเที่ยวมีมาช้านานแล้วเพราะการไปเที่ยวชมโบราณสถาน โบราณวัตถุ ชมวัดโบราณ ชมตึกโบราณ รวมถึงการเที่ยวชมเมืองโบราณหรือเมืองเก่าที่ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของการท่องเที่ยวทั่วไป
       
       แต่สำหรับการชมป่าโบราณหรือป่าดึกดำบรรพ์นี่สิ ถือว่ามีเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกใหม่ไม่น้อย เพราะในบ้านเรามีป่าโบราณให้ชมอยู่ไม่กี่แห่ง โดยป่าโบราณหรือป่าดึกดำบรรพ์ที่ถือว่าได้รับความยอดนิยมมากในช่วง 4-5 ปีหลัง เห็นจะหนีไม่พ้นที่"หุบป่าตาด"แห่ง อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่นอกจากจะมีความพิเศษโดดเด่นกว่าป่าแห่งอื่นๆแล้ว ยังเป็นป่าในระดับ"อันซีนไทยแลนด์"ของ ททท.อีกด้วย

หุบป่าตาด เป็นส่วนหนึ่งของเขาห้วยโศก กลุ่มเขาหินปูน 5 ลูกแห่งอุทัยธานีที่ประกอบไปด้วย เขาฆ้องชัย เขาปลาร้า เขาน้อย เขาน้ำโจน และเขาห้วยโศก โดยพื้นที่ของหุบป่าตาดจะอยู่ก่อนที่จะถึงทางขึ้นเขาปลาร้าประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อเดินทางเข้าไปใกล้จะถึงหุบป่าตาด ในเบื้องหน้าจะมองเห็นภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านมาแต่ไกล และเมื่อเข้าไปใกล้ทางเข้าป่าตาด 2 ข้างทางก็จะเป็นสวนป่าอันร่มรื่น

จากนั้นก็จะเป็นบริเวณทางเข้าหุบป่าตาด ที่มีลานจอดรถ ป้อมยาม และเจ้าหน้าที่คอยให้บริการข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเที่ยวในหุบป่าตาด ซึ่งแรกที่ "ตะลอนเที่ยว"มองเห็นจากภายนอก ดูไม่รู้เลยว่าภายในมีผืนป่าดึกดำบรรพ์ซ่อนเร้นอยู่ เพราะเห็นเป็นเพียงขุนเขาหินปูนธรรมดา แต่พอเราเดินขึ้นบันไดปูนจากพื้นที่ให้บริการนักท่องเที่ยวไปสักหน่อย ก็จะเห็นทางเดินเข้าสู่ปากถ้ำเป็นโพรงมืดหายไป
       
       สำหรับการเดินในโพรงถ้ำนี้เหม็นและฉุนเอาเรื่อง เพราะข้างในเต็มไปด้วยขี้ค้างคาวที่หากใครพกไฟฉายเข้าไปก็ให้ฉายไฟไปที่เพดานถ้ำจะเห็นค้างคาวเกาะห้อยหัวอยู่เต็มไปหมด ทำให้เวลาที่เดินผ่านโพรงถ้ำแห่งนี้ "ตะลอนเที่ยว"จะรีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อให้พ้นกลิ่นเหม็นนี้ไปไวๆ ซึ่งก็ใช้เวลาเดินเพียงแป๊บเดียวเท่านั้น ก็จะเห็นแสงสว่างรออยู่เบื้องหน้า เป็นป่าดึกดำบรรพ์ในพื้นที่กว่า 30 ไร่

เดิมทีไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของเขาหินปูนที่สูงชันจะมีป่าดึกดำบรรพ์ซ่อนอยู่ แต่เมื่อพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง มีเหตุบังเอิญต้องปีนลงไปในหุบเขานี้เมื่อปี พ.ศ. 2522 (สมัยนั้นยังไม่ได้ระเบิดภูเขาทำเป็นถ้ำทางเข้า) ท่านพระครูก็ถึงกับตะลึงเพราะพบว่าในหุบเขาเต็มไปด้วยต้นตาด และพืชดึกดำบรรพ์อื่นๆอีกหลายชนิด

เมื่อรู้ว่าในหุบเขามีของดีซ่อนกายอยู่ทางผู้ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดอุทัยจึงเจาะเป็นถ้ำทางเข้า ก่อนที่กรมป่าไม้(สมัยนั้น)จะเข้ามาประกาศเป็นพื้นที่อนุรักษ์ในปี พ.ศ. 2527 และพัฒนาหุบป่าตาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันสำคัญของอุทัยธานี
       
       หลังจากนั้นหุบป่าตาดก็เริ่มสะสมชื่อเสียงเรื่อยมา ก่อนที่โด่งดังขึ้นมาหลังการได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ให้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ 2 ใน ปีพ.ศ.2547

หุบป่าตาด นอกจากจะเป็นป่าที่มีความสวยงามแล้วยังมีความแปลกและโดดเด่นไม่น้อย โดยเมื่อเดินผ่านความมืดของโพรงถ้ำเข้าไป เราเจอกับบันไดปูนทอดตัวยาวลงสู่หุบเขาเบื้องล่าง ที่พอเดินลงไปก็จะได้พบกับลักษณะของป่าดิบชื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูน ซึ่งมีลักษณะเป็นปล่องมีแสงแดดรำไรส่องลงมาตรงกลาง
       
       แน่นอนว่าต้นไม้ที่เป็นพระเอกของผืนป่าแห่งนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น "ต้นตาด" (Areaga penata) ที่ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากจนกลายเป็นที่มาของหุบป่าตาด

สำหรับต้นตาดหรือที่ชาวบ้านในบางพื้นที่เรียกขานกันว่าต้นตาวหรือต้นต๋าว จัดเป็นพืชตระกูลปาล์ม มีใบเป็นแฉกแผ่กว้างสยาย ลักษณะคล้ายต้นสละหรือระกำ โดยใบตาดสามารถนำไปทำไม้หวาดได้ มีลูกออกมาเป็นทะลายกลมๆเล็กๆคล้ายลูกจาก ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าลูกอ่อนของตาดนั้นนำไปต้มจิ้มน้ำพริกกินอร่อยนัก

ส่วนใครที่เมื่อมาเดินเที่ยวป่าตาดก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของหุบป่าตาดที่ร่มรื่นชุ่มชื้นตลอดปี เนื่องเพราะสภาพผืนป่าตาดนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ และยังมีองค์ประกอบอื่นๆที่ช่วยเติมเต็มให้หุบป่าตาดน่าเดินน่าเที่ยวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สายลมโชยอ่อนที่พัดผ่านหุบเขาอยู่เรื่อยๆ เสียงเจื้อยแจ้วของนกป่าหลากหลาย
       
       ใครที่โชคดีบางทีอาจจะได้พบกับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในหุบป่าตาดอย่างพวกกระรอก ลิง นกหลากหลายชนิด ส่วนใครที่โชคดีมากขึ้นอาจจะได้พบกับเลียงผาและไก่ฟ้าพญาลอก็เป็นได้

และก็ใช่ว่าป่าดึกดำบรรพ์จะมีแต่เฉพาะต้นตาดเท่านั้น แต่ในป่าแห่งนี้ยังมีพันธ์ไม้อีกหลายชนิดให้เดินชม ไม่ว่าจะเป็น เต่าร้าง เปล้า คัดค้าวเล็ก กะพง ยมหิน และต้นไทรที่รูปร่างดูประหลาดตา โดยต้นไม้ที่น่าสนใจหลายๆต้นทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปลาร้า ผู้ดูแลผืนป่าแห่งนี้ได้ทำป้ายสื่อความหมายไว้ให้นักท่องเที่ยวอ่าน ซึ่งใครสนใจต้นไม้ชนิดไหนคงต้องไปยืนอ่านเอาเอง

นอกจากป่าดึกดำบรรพ์จะเต็มไปด้วยต้นตาดและพันธุ์ไม้อันหลากหลายแล้ว ในป่าแห่งนี้ยังมีโถงถ้ำที่มีลักษณะเป็นช่องประตูขนาดใหญ่ที่สามารถเดินทะลุถึงกันได้ และนักท่องเที่ยวก็สามารถเดินเข้าไปชมบรรยากาศในโถงถ้ำได้
       
       ในโถงถ้ำแห่งนี้ถือเป็นไฮไลท์แห่งหุบป่าตาดที่นอกจากจะมีหินรูปร่างแปลกตาทั้งจากเพดานถ้ำ ผนังถ้ำ และตามพื้นถ้ำแล้ว ยังถือเป็นมุมถ่ายรูปชั้นดีของหุบป่าตาด ที่หากมองย้อนกลับออกไปยังบริเวณผืนป่าตาดก็จะเห็นฉากของโถงถ้ำเป็นกรอบภาพผืนใหญ่ และบรรดาต้นตาดและพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดเป็นจุดสนใจของภาพ ที่หากใครได้มาเดินเที่ยวชมหุบป่าตาดแล้ว ในบางซอกบางมุมของป่าแห่งนี้จะให้ความรู้สึกคล้ายๆกับว่ากำลังเดินอยู่ในป่าของหนังเรื่องจูราสสิคปาร์คยังไงยังงั้น แต่ว่าการเดินเที่ยวที่ป่าตาดนี่ถือว่าปลอดภัยหายห่วง เพราะป่าแห่งนี้ไม่มีไดโนเสาร์ออกมาวิ่งไล่งับก้นเหมือนในหนังแต่อย่างใด...

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กันยายน 2553