ผู้เขียน หัวข้อ: “จุรินทร์” ตั้ง คกก.หวังหาข้อยุติ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหาย  (อ่าน 1745 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
“จุรินทร์”ตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุข เพื่อหาข้อยุติร่วมในร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯโดยเร็ว มอบปลัด สธ.เป็นประธาน มีกรรมการจากทั้ง 2 ฝ่าย ข้อสรุปจากที่ประชุมถือเป็นมติร่วม ไม่ใช้เสียงข้างมาก
       
       วันนี้ ( 30 ส.ค.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าของร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ซึ่งมีผู้เสนอความคิดเห็นให้ขยายการใช้มาตรา 41 ในพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ครอบคลุมถึงระบบประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการด้วย ว่า ประเด็นนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ สปสช.ที่จะเป็นผู้พิจารณาว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในข้อกฎหมาย ซึ่งยังมีความเห็นไม่ตรงกัน บางฝ่ายบอกว่าสามารถดำเนินการได้ บางฝ่ายบอกว่าไม่สามารถดำเนินการได้ โดยจะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ ในวันประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กลางเดือนกันยายนนี้
       
       ส่วนความคืบหน้าของการดำเนินการร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ ที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ตนได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุข เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 มีนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะอำนวยการให้เกิดการประชุมหารือทั้ง 2 ฝ่าย นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ เป็นเลขานุการ คณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายรวม 63 คน ได้แก่ 6 สภาวิชาชีพ คณะแพทย์สถาบันการแพทย์ เช่นศิริราชพยาบาล รามาธิบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ผู้แทนแพทย์จากกรุงเทพมหานคร แพทย์ทหาร แพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ สมาพันธ์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย สมาคมโรงพยาบาลเอกชน สมาคมแพทย์คลินิกไทย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ และองค์กรอื่นๆ อีกหลายองค์กร รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
       
       นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อใด แต่บรรจุอยู่ในช่วงกลางๆ ของระเบียบวาระการประชุม ดังนั้น 2 ฝ่ายจึงยังมีเวลาหารือกัน หากเป็นไปได้ควรเร่งหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ผลสรุปของการประชุมของทั้ง 2 ฝ่าย จะถือเป็นมติข้อตกลงร่วมกัน ไม่ใช้การลงมติโดยอาศัยเสียงข้างมาก ดังนั้นเรื่องจำนวนของแต่ละฝ่ายในคณะกรรมการจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
       
       ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในระบบบริการสาธารณสุข กล่าวว่า จะพยายามจัดประชุมคณะกรรมการฯให้เร็วที่สุด ด้วยความรอบคอบเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันที่ชัดเจน ซึ่งได้พูดคุยกับแพทยสภาในเรื่องการทำประชาพิจารณ์ระหว่างผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและประชาชน เพื่อให้เกิดความสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งสามารถทำได้แต่ขอให้เร่งรัดให้เร็วที่สุด เพื่อให้เกิดข้อสรุปที่ดีที่สุดกับทุกฝ่าย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 สิงหาคม 2553