ผู้เขียน หัวข้อ: พัฒนาบุคลากรด้านวัคซีน...เตรียมผลิตใช้เองหากเกิดภาวะฉุกเฉินด้านโรคระบาดในไทย  (อ่าน 1245 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
"วัคซีน" เป็นเครื่องมือทางสาธารณสุขที่สำคัญในการควบคุมป้องกันโรค ช่วยลดอัตราการเกิดโรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ ทำให้คนมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ ทั้งโรคติดต่อ โรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำ โรคปกติที่พบเจอในปัจจุบัน อย่างเช่น โรคมะเร็ง หรือโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ และอีกหลายๆ โรคที่คาดว่าจะมีการระบาดทั่วโลกก็สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
กล่าวว่า การได้รับวัคซีนนับเป็นแนวทางในการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่สำคัญ เป็นวิธีการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความคุ้มทุนสูง เพราะถ้าไม่มีวัคซีน ประชาชนอาจต้องพิการและเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย หรือติดเชื้อที่รุนแรงหลายๆ ชนิด ซึ่งโรคบางโรค ยาปฏิชีวนะก็ไม่สามารถรักษาได้ หรือยาปฏิชีวนะอาจจะฆ่าเชื้อโรคได้แต่ไม่สามารถแก้ไขความพิการที่เกิดขึ้นได้ ในอดีตประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนได้ 8-9 ตัว จนเป็นที่ศึกษาดูงานของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าระยะเวลาที่ผ่านมา การพัฒนาวัคซีนเพื่อการพึ่งตนเองของประเทศไทยยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร วัคซีนที่สามารถผลิตได้เองภายในประเทศ ปัจจุบันเหลือแค่ 2 ชนิดเท่านั้น คือ วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี และวัคซีนป้องกันวัณโรค ซึ่งเป็นวัคซีนที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีพื้นฐานเท่านั้น

กระทรวงสาธารณสุขได้มีการประกาศวาระแห่งชาติด้านวัคซีน และกำหนดนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติขึ้น เพื่อขับเคลื่อนผลักดันศักยภาพด้านวัคซีนของประเทศไทย ส่งเสริมการพัฒนาความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การวิจัยพัฒนาวัคซีนที่มีความจำเป็นในการป้องกันโรคของประเทศ ส่งเสริมความสามารถการผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลในปริมาณเพียงพอ ที่จะสนองความต้องการใช้วัคซีนของประเทศและภูมิภาค มีขีดความสามารถในการพึ่งตนเองด้านวัคซีนของประเทศ ลดการนำเข้า และเสริมศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดสากล ตลอดจนการให้บริการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคพื้นฐานแก่ประชาชน เพื่อการป้องกันโรคอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างหลักประกันว่าต่อไปในอนาคตประชาชนของประเทศจะมีวัคซีนที่จำเป็นใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึง ทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉินที่มีการระบาดของโรค

ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ทั้งๆ ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนค่อนข้างสูง มีบุคลากรมี่ทำงานด้านวัคซีนในหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนค่อนข้างมาก แต่ยังขาดการสนับสนุนการดำเนินงานด้านการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีนอย่างจริงจัง ขาดการประสานผลักดันและการบริหารจัดการงานด้านวัคซีนแบบครบวงจร ขาดปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ เช่น โรงงานผลิตวัคซีนระดับกึ่งอุตสาหกรรม สถานที่เลี้ยงสัตว์ทดลองที่จำเป็น ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสากล ตลอดจนเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนที่ทันสมัย ขาดแคลนบุคลากรด้านวัคซีนทุกระดับ และการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ อย่างจริงจัง

วัคซีนที่ใช้ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และวัคซีนที่จำเป็นอีกหลายชนิด ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมที่มีกำลังซื้อมากกว่า จะไม่ค่อยผลิตวัคซีนที่จำเป็นสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินด้านโรคระบาดอย่างเช่นสองสามปีที่ผ่านมา ที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ วัคซีนจะถูกกว้านซื้อไปเกือบหมดโดยประเทศที่มีกำลังซื้อมากกว่า เหลือมาถึงประเทศไทยน้อยมาก หรือแทบจะไม่ได้วัคซีนเลย หรือถ้าเหลือก็จะมาถึงเราช้ามาก โชคดีที่การระบาดครั้งนั้นไม่รุนแรงอย่างที่คิด

"กรมควบคุมโรคได้มีคำสั่งจัดตั้ง "สถาบันวัคซีนแห่งชาติ" ขึ้น เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.53 เพื่อเดินหน้าวาระแห่งชาติด้านวัคซีนของประเทศไทยตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้ "สถาบันวัคซีนแห่งชาติ" เป็นหน่วยงานกลางด้านวัคซีน ทำหน้าที่ในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันศักยภาพด้านวัคซีนของประเทศไทยที่มีอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัย หรือบริษัทวัคซีนในประเทศไทย ให้ร่วมมือกันในการดำเนินงานตามนโยบายและแผนยุทธศาสตร์วัคซีนแห่งชาติปี 2554 ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.55 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วและให้ดำเนินการต่อไปได้ และจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาจัดตั้งเป็นองค์กรมหาชนในเร็วๆ นี้ เพื่อขับเคลื่อนงานการพัฒนาวัคซีน เสริมสร้างและผลักดันโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันในงานวิจัยพัฒนาและการผลิตวัคซีน รวมทั้งพัฒนาบุคลากร และจัดการให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านวัคซีน ตั้งเป้าให้ประเทศไทยสามารถผลิตวัคซีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลให้ได้อย่างน้อย 9 ชนิด ให้มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ สามารถพัฒนาประเทศก้าวสู่การเป็นศูนย์กลาง/เป็นผู้นำด้านวัคซีนของภูมิภาคอาเซียน ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านวัคซีน และสามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน" อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

ด้าน ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า ภารกิจสำคัญของ "สถาบันวัคซีนแห่งชาติ" ขณะนี้ก็คือ การเดินหน้าวาระแห่งชาติด้านวัคซีนของประเทศไทย ด้วยการดำเนินโครงการที่สำคัญหลายโครงการ ได้แก่ โครงการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านวัคซีนโดยหน่วยงานกลางแห่งชาติด้านวัคซีน โครงการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนแบบครบวงจร โครงการพัฒนาโครงสร้างที่จำเป็น โครงการวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีน

นอกจากนี้สถาบันวัคซีนแห่งชาติยังได้ประสานขอความร่วมมือกับคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น รวมทั้งมหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการรับเป็นหน่วยงานจัดการฝึกอบรม เพื่อการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนอย่างเป็นระบบรองรับการดำเนินโครงการต่างๆ ตามวาระแห่งชาติด้านวัคซีน โดยในขั้นต้นได้จัดทำโครงการฝึกอบรมระยะสั้นในการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีนให้มีความรู้ ความสามารถในการผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีน เป็นการเริ่มต้นสร้างความร่วมมือกัน ซึ่งมีนักวิทยาศาสตร์ที่ปฏิบัติการตามหน่วยงานต่างๆ เข้าอบรมและทำ Work shop ร่วมกันจากหลายหน่วยงาน เพื่อฝึกปฏิบัติการผลิตวัคซีนเบื้องต้น และการควบคุมคุณภาพวัคซีนให้ได้มาตรฐานสากล การอบรมปฏิบัติการในครั้งนี้ถือเป็นการประสานสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย และผู้ผลิตวัคซีน โดยผู้เข้ารับการอบรมจะมีส่วนในการวางแผนผลักดันให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นว่าประเทศเราจะมีวัคซีนใช้ เพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพ และยังหวังไปถึงการส่งออกวัคซีนไปช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอีกด้วย

ด้าน รศ.ดร.วงศ์วิวัฒน์ ทัศนียกุล คณะบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า วัคซีนถือว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังทางการแพทย์ ที่สามารถใช้ป้องกันโรคติดเชื้อได้ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีโรคติดเชื้อเกิดใหม่จากไวรัส หรือแบคทีเรียต่างๆ วัคซีนถือเป็นยาชนิดหนึ่งแต่เป็นยาที่ได้จากแหล่งกำเนิดที่เป็นชีววัตถุ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากสารเคมี ในเรื่องของวิธีการ กระบวนการผลิต และการควบคุมคุณภาพ เพราะเป็นสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติจะมีความแปรปรวนและหลากหลายได้ง่าย จึงจำเป็นต้องอาศัยผู้รู้และห้องปฏิบัติการที่มีขีดความสามารถสูง คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านวัคซีน มีความพร้อมทางด้านห้องปฏิบัติการ และได้ร่วมมือกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติจัดทำโครงการฝึกอบรมระยะสั้นในการพัฒนาบุคลากรด้านวัคซีน ให้มีความรู้ ความสามารถในการผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีน ด้วยการจัดการฝึกอบรมหลักสูตร "การผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีนจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Production and quality control of influenza vaccine)" ขึ้นเมื่อวันที่ 11-22 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา โดยใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิดเชื้อเป็นและเชื้อตายเป็นตัวอย่างในการศึกษา ด้วยเจตนาที่จะพัฒนาศักยภาพต่อยอดให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้านการวิจัยพัฒนา การผลิต และการควบคุมคุณภาพวัคซีน รวมทั้งอาจารย์ภาคมหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การที่ได้ร่วมมือกับสถาบันวัคซีนแห่งชาติในการจัดอบรมในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยในการสร้างความเข้มแข็งในเรื่องของบุคลากรที่จะได้ดูแลในเรื่องของการผลิต ให้ประเทศชาติเราสามารถพึ่งตนเองได้ในเรื่องของการมีวัคซีนไว้ใช้ป้องกันโรคติดเชื้อ ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยและเตรียมการสำหรับโรคที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต ซึ่งโครงการนี้นับว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนในการเดินหน้าพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศ ให้บรรลุผลสำเร็จตามวาระแห่งชาติด้านวัคซีนต่อไป

ดาราพร พิทยขจรวุฒิ นักวิจัย จากบริษัท ไบโอเนท-เอเชีย หนึ่งในผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตร การผลิตและการควบคุมคุณภาพวัคซีนจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า การได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอบรมสัมมนาครั้งนี้ ถือว่าเป็นผลดีต่อการดำเนินงานด้านวัคซีนของบริษัทเป็นอย่างมาก ซึ่งการอบรมในครั้งนี้เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการพัฒนาและการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เนื้อหาในงานอบรมได้มีการปฏิบัติการจริงเริ่มตั้งแต่ การพัฒนา การผลิต การควบคุมคุณภาพ และมีการทดสอบระหว่างการผลิตด้วย ซึ่งกระบวนการตรงนี้มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาปรับใช้กับงานด้านวัคซีนที่ทางบริษัทกำลังพัฒนาอยู่ และในแง่ของประชนทั่วไปการอบรมในครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อประชนโดยรวมของประเทศ เพราะปัจจุบันวัคซีนที่ใช้ในประเทศส่วนใหญ่เราจะนำเข้ามาจากต่างประเทศเกือบทั้งสิ้น ถ้าหากประเทศไทยเราสามารถผลิตและพัฒนาวัคซีนไว้ใช้ในประเทศได้เอง ก็จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ประชาชนของเราก็จะได้ใช้วัคซีนที่มีคุณภาพดีที่ผลิตโดยคนไทย และมีราคาที่คนไทยเราหาซื้อได้ในราคาที่ย่อมเยาขึ้น ดร.นพ.จรุง เมืองชนะ