ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.เสนองบเงินกู้ดีพีแอล 2 พันล้าน เน้นซื้อเครื่องช่วยชีวิต  (อ่าน 927 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
รมว.สาธารณสุข เผยเตรียมเสนองบเงินกู้ดีพีแอล 2 พันกว่าล้าน เข้า ครม.วันนี้ เน้นซื้อครุภัณฑ์จำเป็นเร่งด่วนใช้กับผู้ป่วยโดยตรง เกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิตฉุกเฉินก่อน...

เมื่อวันที่ 3 ก.ค.นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้างบเงินกู้ดีพีแอลของกระทรวงสาธารณสุขว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองทบทวนโครงการงบเงินกู้ดีพีแอลตามความจำเป็นเร่งด่วนตามมติคณะรัฐมนตรี และผ่านคณะอนุกรรมการกลั่นกรองของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีท่านรองนายกรัฐมนตรีกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธาน และจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันนี้

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ทั้งนี้ วงเงินกู้ดีพีแอลเดิมมี 4 กลุ่ม วงเงินประมาณ 3,426 ล้านบาท ตามระดับบริการ ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนาระบบบริการทุติยภูมิ 2.โครงการพัฒนาระบบบริการตติยภูมิ 3.โครงการพัฒนาระบบบริการตติยภูมิ ศูนย์โรคหัวใจ ศูนย์โรคมะเร็ง และเครือข่ายการบาดเจ็บแห่งชาติ และ 4.โครงการพัฒนาโรงพยาบาลชุมชน โดยเมื่อคณะกรรมการทบทวนแล้ว ได้จัดเหลือ 3 กลุ่มตามระบบบริการต่อผู้ป่วย ประกอบด้วย 1.ครุภัณฑ์ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนใช้กับผู้ป่วยโดยตรง เกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิตฉุกเฉิน การตรวจรักษาและการวินิจฉัยโรค เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องดมยาสลบ เป็นต้น วงเงิน 2,049 ล้านบาทเศษ

2.ครุภัณฑ์สนับสนุนการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วย เช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องล้างเครื่องมือ เป็นต้น วงเงิน 615 ล้านบาทเศษ และ 3.เครื่องมือช่วยสนับสนุนกระบวนการบริการให้กับผู้ป่วย เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เครื่องซักผ้า เป็นต้น วงเงิน 761 ล้านบาทเศษ รวมทั้งสิ้น 3,425 ล้านบาท วงเงินที่ลดไปประมาณ 1 ล้านบาท

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการกลั่นกรองรายการครุภัณฑ์ตามโครงการเงินกู้ดีพีแอล ได้จัดลำดับความสำคัญในกลุ่ม 1 เป็นลำดับแรกก่อน ส่วนครุภัณฑ์ในกลุ่มที่เหลืออีก 2 กลุ่มก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน และขอสนับสนุนงบประมาณในลำดับต่อไป ซึ่งอยู่ในดุลยพินิจของคณะรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับโครงการงบเงินกู้ดีพีแอล แต่ต้องการตรวจสอบรายละเอียดและความจำเป็น อย่างไรก็ดี โครงการเงินกู้ดังกล่าวเป็นช่วงรอยต่อของรัฐบาล ในเบื้องต้นรัฐบาลโดยมติคณะรัฐมนตรี ได้ขยายเวลาให้ใช้ได้ถึงปี 2556

“การดำเนินการต้องเป็นไปตามมติความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ความสนใจ แต่ไม่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบรายละเอียดตามข้อสังเกตตามที่แพทย์ชนบทมีความห่วงใย ทั้งในเรื่องการต่อรองราคา ซึ่งบางรายดำเนินการได้ บางรายยืนยันราคาเดิม เนื่องจากเป็นการจัดซื้อจัดจ้างไปก่อนหน้าที่จะมาดำรงตำแหน่ง ซึ่งทางเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางบริษัทที่มาประมูลจัดซื้อจัดจ้างในอดีต เรื่องที่สองเมื่อได้ผู้ประกอบการแล้ว ก็ต้องมีการเสนอเข้าไปเพื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ” นายวิทยา กล่าว.

Thairath