ผู้เขียน หัวข้อ: ซัดแก๊ง เสือโหย งาบงบสธ.800ล. บีบรพ.ทำตามใบสั่ง  (อ่าน 1169 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
แฉแก๊ง’เสือโหย’
งาบงบสธ.800ล.
บีบรพ.ทำตามใบสั่ง
ซื้อเครื่องมือแพทย์
สูงกว่าจริง2เท่าตัว
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า หลังจากที่ชมรมแพทย์ชนบทและผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนจำนวนหนึ่งได้ยื่นเอกสารหลักฐานให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ตรวจสอบการอนุมัติจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ในโครงการไทยเข้มแข็ง วงเงิน 3,000 กว่าล้านบาท ที่มีข่าวภายในว่ามีการถ่วงเวลาให้ผู้ขายไปเคลียร์เงินทอนก่อนและการอนุมัติงบลงทุนค่าเสื่อมจำนวน 502.6 ล้านบาท ที่อยู่ในอำนาจอนุมัติของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และพบว่ามีหลายรายการตั้งและอนุมัติราคาสูงกว่าตลาดปกติถึง 100%
“ข่าวการเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้มีหลายโรงพยาบาลและกลุ่มคนรักกระทรวงสาธารณสุขได้ทยอยส่งเอกสารหลักฐานเปิดโปงขบวนการหาเงินทอนจากงบประมาณบริการคนไข้ดังกล่าวมายังชมรมแพทย์ชนบทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนว่าหลังจากที่กลุ่มผลประโยชน์เอกชนและฝ่ายการเมืองได้เข้ายึดครองเสียงข้างมากในคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บอร์ด สปสช.แล้ว ได้มีการส่งคนใกล้ชิด ซึ่งวงการภายในเรียกกันว่า“ไอ้เสือโหย”ร่วมกับพ่อค้าในเครือข่ายเรียกประชุมผู้บริหารโรงพยาบาลบางแห่งในส่วนภูมิภาคที่โรงแรมแห่งหนึ่ง พร้อมส่งรายการและราคาเครื่องมือทางการแพทย์ให้ผู้บริหารโรงพยาบาลทำคำขอตามแบบฟอร์มที่กำหนดไว้แล้ว เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขและเขตตรวจราชการบางเขตอนุมัติงบประมาณ โดยมีการอ้างว่าผู้มีอำนาจมากในกระทรวงได้เตรียมงบลงทุนค่าเสื่อมจำนวนกว่า 500 ล้านบาท และงบช่วยน้ำท่วมจำนวนมากกว่า 300 ล้านบาทไว้แล้ว” นพ.อารักษ์ กล่าว

อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวต่อไปว่า ล่าสุด นพ.ไพจิตร วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามอนุมัติครุภัณฑ์จากงบลงทุนค่าเสื่อมแล้วจำนวน 307.7 ล้านบาท เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จัดสรรให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งที่ได้ทำคำขอเข้ามาและไม่ได้ขอ โดยครุภัณฑ์ดังกล่าวมีหลายรายการที่มีปัญหาความเหมาะสมหรือโรงพยาบาลไม่มีความจำเป็นต้องใช้และมีราคาสูงกว่าตลาดปกติมาก เช่น จัดสรรเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรมในสภาพจริง (เครื่องตรวจ DNA) ที่ส่วนใหญ่ใช้กับโรงพยาบาลในสถาบันการแพทย์ชั้นสูง ในราคาเครื่องละ 8.5 ล้านบาทให้กับ รพ.พระนครศรีอยุธยา รพ.พระนั่งเกล้า รพ.นครพิงค์ รพ.ราชบุรี รพ.สรรพสิทธิประสงค์ และ รพ.หาดใหญ่ ในราคาที่สูงกว่าที่มหาลัยนเรศวร เพิ่งทำสัญญาจัดซื้อเครื่องดังกล่าวกับบริษัท ไบโอราด แลมบอราทอรีส์ จำกัด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในราคาเพียง 3.38 ล้านบาท สูงต่างกันกว่าเท่าตัว

นพ.อารักษ์ เปิดเผยต่ออีกว่า จากเอกสารที่ได้รับจากโรงพยาบาลต่างๆ และภายในกระทรวงสาธารณสุข ยังมีการอนุมัติเครื่องมือทางการแพทย์ราคาสูงอีกหลายรายการที่มีการประสานงานกันอย่างเป็นขบวนการจากผู้ใกล้ชิดผู้มีอำนาจในกระทรวง ออกเดินสายบังคับให้โรงพยาบาลต่างๆ ทำคำขอตามแบบฟอร์มที่บริษัทเอกชนกำหนดไว้แล้วเหมือนกรณีทุจริตยาในอดีตหรือกรณีงบไทยเข้มแข็งสมัยรัฐบาลที่แล้วที่ถูกสังคมตรวจสอบอย่างหนักจนมีการทบทวนรายการครุภัณฑ์การแพทย์เหลือเฉพาะเท่าที่จำเป็น ทำให้ประหยัดงบประมาณได้หลายพันล้านบาท

อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ขบวนการเขมือบงบลงทุนค่าเสื่อมกว่า 500 ล้านบาทและงบช่วยน้ำท่วมอีก 300 กว่าล้านบาท ทำกันอย่างโจ่งแจ้ง รีบร้อน คล้ายกับผู้มีอำนาจมีเวลาจำกัด โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและประชาคมภายในกระทรวงสาธารสุขที่มีระบบตรวจสอบที่ไม่กลัวต่ออำนาจมืดทางการเมืองเหมือนกระทรวงอื่นๆ กลัวกัน ดูตัวอย่างการอนุมัติเครื่องซักผ้าอัตโนมัติแบบอุโมงค์ที่ตั้งให้ รพ.ตรัง จำนวน 1 เครื่อง ราคา 39.3 ล้านบาท โดยไม่คำนึงถึงขนาดของโรงพยาบาล ความจำเป็นต้องใช้งานและภาระการบำรุงรักษาซ่อมแซมในอนาคตว่าคุ้มค่าหรือไม่ และไม่เกรงกลัวว่าเครื่องดังกล่าวเคยตั้งที่ รพ.วชิระพยาบาล กรุงเทพมหานคร ในราคา 34.0 ล้านบาท และถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบและเปิดเผยเป็นข่าวว่ามีมูลเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ

“ขบวนการหาประโยชน์จากงบเครื่องมือแพทย์ของโรงพยาบาลต่างๆ ในกระทรวงสาธารณสุข ทำกันโดยไม่รู้สึกว่าเป็นงบประมาณสำหรับบริการผู้ป่วย สำหรับคนยากคนจน สำหรับโรงพยาบาลที่ถูกน้ำท่วม ทำกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เป็นขบวนการเหมือนอย่างที่อดีต รมว.สาธารณสุขที่ต้องคดีจำคุกกรณีทุจริตยา เคยเปิดเผยว่าทุจริตในวงราชการ จะขึ้นจากวงจรอุบาทว์ ที่เริ่มจากพ่อค้าที่หวังกำไรโดยมิชอบเป็นผู้เสนอ และผู้มีอำนาจทางการเมืองที่แสวงหาประโยชน์เป็นผู้สั่งผ่านคนใกล้ชิด โดยมีข้าราชการประจำระดับสูงที่หวังเกาะตำแหน่งนานๆ หรือผู้ที่วิ่งเต้นซื้อตำแหน่งใหญ่ๆ เป็นผู้สนอง เมื่อครบองค์ประกอบทั้งสามอย่างแล้ว ขบวนการทุจริต กินคำใหญ่ๆจากงบบริการผู้ป่วยจึงเกิดขึ้น ซึ่งสังคม สื่อมวลชน ต้องตรวจสอบ โดยชมรมแพทย์ชนบท ขอเรียกร้องทุกภาคส่วนและพรรคการเมืองฝ่ายค้านเข้ามาตรวจสอบขบวนการทุจริตนี้อย่างจริงจัง”นพ.อารักษ์ กล่าว