ผู้เขียน หัวข้อ: ไอเดียเจ๋ง! กทม.เล็งเพิ่มศักยภาพเทศกิจด้าน "ทำคลอด-เข้าเฝือก-ช่วยโรคหัวใจ"  (อ่าน 1480 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 สิงหาคม 2553 00:25 น
 
 กทม.เล็งเพิ่มบทบาทเทศกิจ จับเป็น "หมอทำคลอด-ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจ-เข้าเฝือกอ่อน" พร้อมยกเครื่องรถพยาบาลฉุกเฉิน EMS ของกทม.ใหม่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เตรียมติด GPS หาพิกัดที่เกิดเหตุ คาดปีหน้าเห็นเป็นรูปธรรม

กทม.เล็งเพิ่มบทบาทเทศกิจ จับเป็น "หมอทำคลอด-ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจ-เข้าเฝือกอ่อน" พร้อมยกเครื่องรถพยาบาลฉุกเฉิน EMS ของกทม.ใหม่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เตรียมติด GPS หาพิกัดที่เกิดเหตุ คาดปีหน้าเห็นเป็นรูปธรรม
       
       พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึงแนวความคิดเทศกิจช่วยทำคลอด ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2554 ที่ กทม.จะจัดทำเป็นโครงการขึ้น ว่า ในหลักการเบื้องต้นสำหรับโครงการเทศกิจจราจรช่วยทำคลอดเหมือนตำรวจจราจรโครงการพระราชดำรินั้น จะเป็นการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม.ที่สมัครใจจะมาเข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อให้มีความรู้และเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็สามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันที เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากผู้ที่กำลังจะคลอดบุตรปวดท้องมากจนไม่สามารถที่ไปคลอดลูกที่โรงพยาบาลได้
       
       พญ.มาลินี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายโปรแกรมที่ กทม.จะดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เทศกิจ เช่น การให้การปฐมพยาบาลผู้ป่วยที่มีอาการโรคหัวใจเบื้องต้นในเวลาเร่งด่วน การช่วยเหลือผู้ป่วยขาหัก การเข้าเฝือกอ่อนให้เบื้องต้น การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ขณะเดียวกัน กทม.จะมีการปรับปรุงรถบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน EMS ของกทม.ใหม่เพื่อให้รอบรับกับภารกิจที่จะเกิดขึ้นว่า จะต้องมีความพร้อมอะไรบ้าง อาทิ จะมีการติดตั้งระบบ GPS เพื่อให้ทราบว่าจุดหมายอยู่บริเวณใด การจราจรเส้นทางดังกล่าว และโดยรอบเป็นอย่างไร รวมถึงรถ EMS อยู่บริเวณใดแล้วซึ่งจะมีศูนย์บัญชาการ (Command Center) คอยสั่งการและติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตนได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและวางแผนว่าจะมีขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างไร จะรับเทศกิจจำนวนเท่าไหร่ ใช้งบประมาณมากน้อยอย่างไร ซึ่งคาดว่าปี 2554 จะมองเห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
       
       ด้าน นายศราวุธ สนธิแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม.กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าเราจะศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉิน หรือศูนย์เอราวัณ และได้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอ เพราะกว่าจะมาถึงสถานที่เกิดเหตุแม้ปกติจะสามารถใช้เวลาเร็วสุดที่ 10 นาที แต่ถ้าหากมีบุคคลที่มีความรู้ เช่น เจ้าหน้าที่เทศกิจ หรือตำรวจ อยู่ที่จุดเกิดเหตุหรือบริเวณใกล้เคียงเข้าถึงได้เร็วกว่าก็จะให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ซึ่งจะช่วยผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วยได้เยอะ ทั้งนี้ ทางสำนักการแพทย์จะหารือกับสำนักเทศกิจถึงความพร้อมในเรื่องดังกล่าวและจะจัดทำหลักสูตรการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งคาดว่าในอีก 2-3 เดือนนี้จะเริ่มฝึกอบรมได้

-------------------------------------------------------------------

ความหมายท้ายข่าว
นพ.อุสาห์ พฤฒิจิระวงศ์   
21 ส.ค. 2010 09:43น.

จากร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากบริการสาธารณสุข พ.ศ. ...

เทศกิจทำคลอดถือเป็นการบริการสาธารณสุข ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายนี้

ผู้ให้บริการจะต้อง จ่ายค่าคุ้มครองแก่กองทุนที่มีท่านสารี/ท่านดลพรหรือผู้แทนเป็นกรรมการ(ในกรณีที่สารีดลพรได้เป็นวุฒิสมาชิก) ด้วยอัตรา ดังต่อไปนี้

การเรียกเก็บค่าคุ้มครอง

๑.การบริการทำคลอดแล้วกลับบ้าน จ่ายค่าคุ้มครองรายละ๕บาท

๒.ทำคลอดแล้วส่งโรงพยาบาล จ่ายค่าคุ้มครองรายละ๘๐บาท

บทลงโทษผู้ให้บริการ

๑.มีความเสียหายต่อทารก เช่น ทำคลอดไม่สำเร็จทารกตายในระหว่างคลอด ตัวเย็น เลือดเป็นกรด ติดเชื้อ ดูดน้ำคร่ำออกจากปากและในคอไม่หมดทำให้สำลักน้ำคร่ำ กระดูกหัก ขาดออกซิเจน ส่งโรงพยาบาลช้าทำให้เกิดอันตราย ตาย ฯลฯ สุดแท้แต่จะหาข้ออ้าง

-ทารกเกิดก่อนกำหนด เช่น กระดูกหัก คอหัก แขนหัก ขาหัก จากการทำคลอด ตาบอดจากการให้ออกซิเจน หัวใจวายจากการขาดออกซิเจน เลือดเป็นกรดจากการขาดออกซิเจนแล้วเกิดภาวะเลือดไหลไม่หยุด ตัวเย็นแล้วปอดไม่ทำงาน ตัวเย็นแล้วทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำแล้วช็อค ตาย ฯลฯ สุดแท้แต่จะหาข้ออ้าง

๒.มีความเสียหายแก่มารดา เช่น ตกเลือด ติดเชื้อ น้ำคร่ำเข้ากระแสเลือด มดลูกแตก ช่องทางคลอดฉีกขาดถึงลำไส้/รูทวาร กระเพาะปัสสาวะบาดเจ็บจากการคลอด ตายระหว่างการคลอด โรคพื้นฐานที่เป็นอยู่กำเริบจนเกิดความเสียหาย หลังจากการคลอดแล้วผู้คลอดรู้สึกอับอายเทศกิจที่ทำคลอดให้เป็นความเสียหายทางจิตใจ ฯลฯ สุดแท้แต่จะหาข้ออ้าง

ผู้ให้บริการ มีโอกาสรับผลของการทำคลอด ด้วยโทษทางแพ่งและอาญา เพราะเทียบได้กับสินค้าอันตราย

เมื่อมีความเสียหายแล้ว ผู้ได้รับความเสียหาย กรณีความเสียหายจากการคลอดนี้ จะได้รับค่าชดเชยสองเด้ง

๑.ค่าช่วยเหลือเบื้องต้นไปจ้างทนายฟ้อง หรือหากไม่อยากจ่ายตังค์ก็ติดต่อเลขาธิการสภาทนายความ หากต้องการเร็วได้ผลสูง ติดต่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

๒.ค่าชดใช้ความเสียหายการันตีอย่างน้อย๑ล้านบาทจากการฟ้องแพ่งหรือจากการกราบคารวะขอประนีประนอมยอมความจากผู้ให้บริการ

ที่ว่าสองเด้งนั้น เนื่องจากมีผู้เสียหายได้ทั้งสองคน อาจสี่เด้งเพราะความเสียหายมีทั้งกายและใจ

------พระเจ้าช่วยกล้วยทอด อามิตตาพุทธ ขอเอียะซือฮุกโจ้วช่วยคุ้มครองพี่เทศกิจด้วยเถิด------