ผู้เขียน หัวข้อ: ปลัดสธ.เตรียมถกทุกฝ่ายหาทางออกสเตนท์-ผู้จัดการ21สค  (อ่าน 1389 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ปลัด สธ. เตรียมนัดกรมบัญชีกลาง -สปสช. -โรงพยาบาลในสังกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกเสตนท์ ระบุยังไม่สามารถกำหนดวันเวลาได้
       
       นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีที่กรมบัญชีกลางปรับลดเพดานเบิกจ่ายโครงลวดค้ำยันหลอดเลือด หัวใจตีบ หรือสเตนท์ให้เท่ากับราคาใหม่ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จัดประมูลได้ในราคาถูกหลายเท่าตัวจนทำให้สมาคมแพทย์มัณฑนากรหัวใจและหลอด เลือดไม่พอใจเพราะไม่สามารถจัดซื้อสเตนท์จากบริษัทอื่นได้ในท้องตลาด เนื่องจากระบบการซื้อของกรมบัญชีกลาง และสปสช.แตกต่างกันว่า เนื่องด้วยแพทย์ที่รักษาคนไข้นั้นจะเรียกว่าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่ไม่ใช่แค่วิทยาศาสตร์อย่างเดียวแต่ต้องอาศัยความรู้ ด้านศิลปะประกอบกัน ดังนั้นการจะปรับเปลี่ยนอะไรต้องเป็นความเห็นของหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นกรม บัญชีกลาง กรมการแพทย์ องค์การเภสัชกรรม(อภ.) และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสปสช. ซึ่งจะมีการหารือกันก่อนว่าจะมีทิศทางอย่างไรต่อไปซึ่งหากกรมบัญชีกลางจะมี การประกาศใช้จริง สธ.ก็พร้อมช่วยเหลือโดยจะมอบหมายให้ อภ. เป็นผู้ดำเนินการประมูลสเตนท์ให้กับโรงพยาบาลในสังกัด สธ. เพื่อใช้กับผู้ป่วยสิทธิสวัสดิการข้าราชการ ทั้งนี้วันและเวลาในการหารือเรื่องดังกล่าวคงไม่สามารถระบุได้ แต่ก็ต้องมีการดำเนินการอย่างแน่นอน

ด้านภญ.ซึ้งกมล ศรีอารัญญ์ รองผู้อำนวยการ อภ. กล่าวว่า หากกรมบัญชีกลางมีหนังสือให้ดำเนินการเรื่องนี้ ทางอภ.ก็สามารถจัดประมูลได้ทันที อีกทั้งขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขชัดเจนว่าต้องใช้สเตนท์จำนวนเท่าไรทำให้ไม่ สามารถคำนวณราคาประมูลได้ ดังนั้นต้องรอดูก่อนว่ามีความชัดเจนมากเพียงใดจึงจะสามารถดำเนินการได้
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กรมบัญชีกลางได้มีการเลื่อนการประกาศปรับลดเพดานสเตนท์จากเดิมเริ่ม ใช้วันที่ 2 ส.ค. ออกไปอีก 1 เดือน เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย ส่วนความเป็นมาในการปรับลดราคากลางสเตนท์ของสปสช. ซึ่งได้มีการปรับราคากลางสเตนท์ใหม่โดยแต่งตั้งคณะทำงานพัฒนาอุปกรณ์หัวใจ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมีการประชุมคณะทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสำรวจการใช้สเตนท์ในโรงพยาบาลหลังจากนั้นได้ประกาศลดราคาสเตนท์ โดยจัดซื้อในระยะที่ 1 (1 ธ.ค.2552-ก.พ. และขยายต่อ 30 มิ.ย.2553)และจัดซื้อ ระยะที่ 2 (1 ก.ค.-31 ธ.ค.2553) ซึ่งสามารถประมูลได้ราคาที่ต่ำกว่าราคากลางคือ สเตนท์ชนิดไม่เคลือบยาได้ชุดละ 5,400 บาท จากเดิม 35,000 บาท และสเตนท์ชนิดเคลือบยาได้ชุดละ 23,400 บาท จากเดิม 85,000 บาทซึ่งผลการดำเนินงาน 8 เดือนที่ผ่านมาสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 260 ล้านบาท