ผู้เขียน หัวข้อ: การวิเคราะห์จริตมนุษย์ 6 ประเภท : โมหะจริต  (อ่าน 1551 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
โมหะจริต

คนที่มีลักษณะโมหะจริตจะเป็นคนที่ง่วง ๆ ซึมๆ ประเภทง่วงเหงางาวนอนเป็นอาจิณ อ่านหนังสือหรือฟังบรรยายประเดี๋ยวเดียวก็ตาปรอยหรือหลับไปเลย เป็นคนซึมๆ งงๆ ไม่รู้จะทำอะไร ปกติจะไม่ชอบทำอะไรถ้าไม่มีใครหรือสถานการณ์มาบังคับ ชอบนั่งเฉยๆ

อารมณ์พื้นฐานคือความเบื่อและความเซ็ง ทำอะไรรู้สึกว่ายากไปหมด รู้สึกเกินความสามารถ แต่ตัวเองก็มักใช้ความพยายามน้อย เพราะมีสมาธิค่อนข้างต่ำ พลังเลยไม่ค่อยมี ทำอะไรจะรู้สึกว่าเบื่อก่อนที่งานนั้นจะเสร็จ และลึกๆ จะมีความเศร้าอยู่ในใจ เพราะมักคิดถึงตัวเองในทางไม่ดีอยู่เสมอ มักจะคิดว่าตัวไม่มีคุณค่า น้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกตัวเองต่ำต้อย ไร้ความสามารถ ไร้วาสนา เป็นคนที่น่าสงสารตรงที่ได้วางโปรแกรมที่ทำลายตัวเองไว้ในความคิดตั้งแต่ต้น

คนที่เป็นโมหะจริตมักจะมองเข้าข้างใน ไม่ค่อยมองออกข้างนอก คือ ถ้าจะคิด มักจะนึกคิดเฉพาะเรื่องของตัวเอง กลุ้มใจกับเรื่องของตัวเอง เสียใจกับปัญหาของตัวเอง จนแทบไม่ได้คิดว่าคนอื่นเขามีปัญหาอะไรบ้าง จะช่วยเขาได้อย่างไร การที่หมกหมุ่นกับเฉพาะเรื่องตัวเองทำให้คนที่เป็นโมหะจริตดูเหมือนจะมีจิตใจค่อนข้างคับแคบ และไม่ค่อยสนใจโลก ไม่สนใจคนอื่นๆ มากนัก การที่สนใจเฉพาะปัญหาตัวเองทำให้ไม่ได้มีเป้าหมายชีวิตอะไรที่สูงส่งมากนัก ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงอะไรเพื่อผู้อื่นผู้สังคม ทำให้แรงขับเคลื่อนพลอยต่ำลงไปด้วย

แต่เป็นคนดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม เพราะไม่คิดอิจฉาริษยาใคร ไม่คิดทำร้ายใคร ไม่คิดจะทำให้ใครเดือนร้อน ที่จริงแล้วไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับใคร หรือเปลี่ยนแปลงใครอยู่แล้วด้วยซ้ำ และตัวเองมักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนดี แต่ก็ไม่เข้าใจว่า การที่เป็นคนดีจึงไม่ก้าวหน้าหรือประสบความสำเร็จ ทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกไร้โชคไร้วาสนาอยู่ในใจลึกๆ

เป็นคนที่อยู่ในสมองด้านขวา ชอบสบายๆ ไม่ชอบคิดอะไรอย่างเป็นระบบ ละเอียด ซับซ้อน แต่ชอบฝันไปเรื่อยๆ ฝันไม่เป็นเรื่องเป็นราว และไม่สามารถเอาความฝันไปทำประโยชน์ได้เพราะสมาธิไม่มากพอ การที่คิดไม่เป็นระบบและคิดสะเปะสะปะทำให้ไม่สามารถแสดงความคิด หรือพูดจาอะไรออกมาได้ ดังนั้น มักจะเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด

เป็นคนที่จิตใจอ่อนไหว แตะนิดแตะน้อยจะเสียใจ ใจน้อย จึงไม่ชอบคนประเภทโทสะจริตเพราะจะรู้สึกถูกคำพูดทิ่มแทงใจ

จะมีดวงหน้าที่ดูเศร้าๆ ซึ้งๆ โรแมนติก ดวงตาค่อนข้างมืดดำไม่เป็นประกาย

มักเป็นคนพูดจาเบาๆ นุ่มนวล อ่อนโยน อารมณ์ไม่ค่อยเสีย ไม่ค่อยโกรธใคร ช่างยิ้มแต่ยิ้มแบบเบื่อๆ ไม่ชอบเข้าสังคม จะรู้สึกเคอะเขินไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร จะพูดอย่างไร เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากทำตัวให้เป็นจุดเด่นจุดสนใจของคนอื่นมากนั้น หากไปนั่งขอบๆ หรือหลังๆ ก็จะรู้สึกอบอุ่น

สำหรับการเดิน คนในจริตนี้ปกติแล้วจะเดินแบบขาดจุดมุ่งหมาย ขาดความมุ่งมั่น ไร้เรี่ยวไร้แรง ในวิสุทธิมรรคได้เปรียบเทียบการพูดเหมือนคนกวาดบ้าน สำหรับผู้เป็นโทสะจริตจะรีบกวาดให้เสร็จๆ อย่างรวดเร็วและมีพลัง แต่บุคคลที่เป็นโมหะจริตจะกวาดเป็นวงกลม ไม่เสร็จเสียที

การแต่งกาย จะชอบสีอ่อนๆ หรือไม่ก็สีเศร้าๆ ทึมๆ เช่น เทา น้ำเงิน เขียวเข็ม

บ้านของคนในกลุ่มนี้ ไม่ชอบแสงสว่างมากนัก ชอบปิดม่าน เปิดเพลงค่อยๆ เบาๆ บ้านไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนโทสจริต แต่ก็ไม่รกรุงรัง

ข้อดีข้อเสียของผู้เป็นโมหะจริต

ผู้ที่มีลักษณะโมหะจริตมีข้อดี คือ เนื่องจากไม่ค่อยคิดฟุ้งซ่านมากนัก จึงเข้าใจอะไรได้ค่อนข้างชัดเจน โดยไม่ปรุงแต่ง เมื่อมองอะไรเห็นได้ชัดเจนก็มักจะมีการตัดสินที่ดี ถ้าคิดออก

เป็นคนที่หนักใช้สมองด้านขวา จึงมีความรู้สึก และมักใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ ทำให้มักตัดสินไม่ค่อยพลาด ดังนั้นแม้เหตุผลจะเถียงสู้คนอื่นไม่ได้มากนัก หรือพูดไม่ทันจริตอื่นๆ แต่มักมีญาณสังหรณ์ที่ถูกต้องในการตัดสินใจ

อีกประการหนึ่ง เนื่องจากมักใช้สมองด้านขวา จึงไม่ค่อยทุกข์เหมือนจริตอื่น ไม่ค่อยเป็นโรคจิตโรคประสาท ไม่เครียด แต่จะซึมเศร้าแต่ไม่มีอะไรมากระตุ้น

เป็นคนที่ทำงานเก่งโดยเฉพาะงานที่เป็นงานประจำไม่ใช่งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากนัก เพราะไม่คิดฟุ้งซ่าน งานจึงเสร็จตามเวลา

เป็นคนดี เป็นเพื่อนที่น่าคบ น่ารัก ไม่สร้างกรรมชั่ว ทั้งในด้านความคิด การพูด และการกระทำ คือ ไม่คิดร้าย ไม่โกง ไม่หลอกลวง ไม่เพ้อเจ้อ ไม่ส่อเสียด ไม่พูดจาให้คนเสียใจ มีสติสูง เป็นคนที่วางใจได้

แม้จริตนี้ไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่นและสังคม แต่จริตนี้มีข้อเสียสำคัญคือ การใส่ซอฟแวร์ในความคิดที่ทำลายตัวเอง โดยมองตัวเองไม่ตรงความเป็นจริง แต่ต่ำกว่าความเป็นจริง รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง ทำไม่ได้ ไม่มีความสามารถ สู้คนอื่นไม่ได้ ไม่ทันโลก เมื่อไปเจอคนจริตอื่นๆ เช่น โทสะจริตหรือวิตกจริตที่มักจะดูถูกจริตนี้ว่า ไม่มีหลักการ เหตุผล หรือความคิด เป็นการย้ำความคิดที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับตัวเองให้มากยิ่งขึ้น และทำให้มองว่า โลกนี้โหดร้ายไม่ยุติธรรม ทำไมคนดีโลกไม่สนับสนุนแต่กลับกลั่นแกล้งซ้ำเติม

การที่รู้สึกขาดความมั่นใจอยู่ตลอดเวลาและเมื่อเกิดอะไรจะโทษตัวเองอยู่เรื่อยๆ ทำให้ต้องการกำลังใจเป็นสายน้ำเกลืออยู่เสมอ หากไม่มีก็จะไม่เจริญเติบโต ทำให้ไม่สามารถยืนได้ตัวเองตามลำพังเท่าไร ยิ่งถ้าไปอยู่ท่ามกลางคนเป็นโทสะจริตและวิตกจริตซึ่งเต็มไปด้วยคำพูดที่ตำหนิติเตียนด้วยแล้วจะรู้สึกเฉาไปเลย เพราะเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกไม่มั่นใจของตัวเองอยู่แล้ว

นอกจากนี้ การที่รู้สึกเบื่อและเซ็งง่าย เพราะสมาธิค่อนอ่อนและสั้น ไม่ชอบทำงานหนัก ไม่ชอบอ่านหนังสือ ทำให้ไม่ค่อยมีข้อคิดหรือความรู้ จึงทำให้ยากที่จะสามารถทำการใหญ่ได้สำเร็จ

การขาดสมาธิทำให้ไม่มีพลัง ประกอบกับขาดความมั่นใจในตัวเองทำให้ไม่มีความเป็นผู้นำ และตัวเองก็ไม่อยากจะนำใครอยู่แล้ว แต่จะมีปัญหาหากมีตำแหน่งสูงขึ้น เพราะไม่สามารถปกครองลูกน้องได้

ชอบโรแมนติก ใช้อารมณ์มากกว่าความคิด มักใจน้อย อย่าไปพูดแรงเพราะอารมณ์อ่อนไหว เจ็บปวดใจได้ง่าย

หากท่านเป็นโมหะจริต

ตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน โดยพยายามมองออกไปจากตัวเองให้มากขึ้น คิดถึงคนอื่นๆ ให้มากๆ ไม่ว่าจะลูก สามีหรือภรรยา และเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ว่าจะทำอะไรให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำให้ชีวิตมีทิศทาง เกิดมีพลังว่าเราจะต้องไปบรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ ทำให้ตัวเองมีคุณค่ามีบทบาทต่อชีวิตคนอื่น

ฝึกสมาธิ ไม่ว่าจะสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ เพื่อเสริมสร้างจิตให้มีพลังมากขึ้นเมื่อไปเจอกับโลกข้างนอกหรือสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวังจะได้รับมือได้ทัน ลดความหวั่นไหวของจิตใจของอารมณ์ตัวเอง ฝึกความรู้เนื้อรู้ตัว เพราะจิตอยู่ในอารมณ์ ควรกระตุ้นด้วยการเอาจิตไปจับฐานกาย ว่าประสาทสัมผัสรู้สึกอย่างไร นอกจากนี้ อาจฝึกโดยเล่นกีฬาเพราะต้องควบคุมกล้ามเนื้อและอวัยวะส่วนต่างๆ หรือไม่หัดฝึกสมองด้านซ้ายในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น การเต้นรำลีลาศเพราะมีระบบระเบียบ

อ่านหนังสือมากไว้เพื่อให้สมองด้านซ้ายทำงาน

คิดว่าเราอาจไม่ได้ทำการณ์ใหญ่ ต้องพิจารณาเรื่องความตาย เพื่อใส่สัมมาดำริเรื่องมรณานุสติ เพื่อตั้งเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน เพราะชีวิตไม่จีรังยั่งยืน อาจจะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องไม่ประมาท มีอะไรก็ต้องรีบกระทำ จะได้ลดแรงเฉื่อย ขจัดความเบื่อความเซ็งในชีวิต

 

ถ้ามีหัวหน้าเป็นโมหะจริต

มักจะสั่งงานไม่เป็น ลูกน้องจะทำอะไรมาก็ได้ ไม่ใส่ใจงานมากนัก มีพลังความเฉื่อยชากระจายไปทั่วสำนักงาน เป็นคนค่อนข้างใจอ่อน แต่ลูกน้องพึ่งพามากไม่ได้ เพราะหากมีการประชุมและต้องเผชิญกับพวกวิตกจริตแล้ว จะคิดไม่ทัน เถียงไม่ทัน ประกอบกับเป็นคนมีความอ่อนไหวสูง จะคิดเล็กคิดน้อย

ต้องคอยพยายามชี้แนะหัวหน้าว่า ควรจะทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล หัวหน้าจะรัก

ถ้ามีลูกน้องเป็นโมหะจริต

ถ้าลูกน้องเป็นโมหะจริตต้องชี้แนะอย่างสม่ำเสมอ ต้องบอกกำหนดเวลา ต้องทวงงาน และบอกขั้นตอนว่าจะให้ทำอะไรซ้ายขวาหน้าหลัง เพราะคิดไม่ค่อยเป็น แต่เมื่องานเดินเป็นระบบแล้ว จะสามารถทำงานได้ดี

ไม่ควรใช้อารมณ์ดุ เพราะถ้าไปดุจะทำให้หมดกำลังใจ เพราะไม่ค่อยมีความมั่นใจอยู่แล้วให้นึกเหมือนกับเป็นน้อยหน่าสุก ถ้าไปบีบแรงๆ อาจเละได้ง่าย หรือเป็นแก้วเปราะบาง ถ้าไปแตะแรงจะแตกได้ง่าย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มิถุนายน 2012, 22:55:25 โดย ABBA »