ผู้เขียน หัวข้อ: กุมารแพทย์แนะการเรียนรู้ของลูกน้อยผ่านของเล่น  (อ่าน 984 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
บริษัท ไทย สเตมไลฟ์ จำกัด ธนาคารสเต็มเซลล์เอกชนแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับโซไซตี้ใหม่ “Thai Stemlife Family Club” พร้อมการเสวนาหัวข้อ “การพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ผ่านการเล่น” โดย แพทย์หญิงจุฑาทิพย์ ฟองศรัณย์ กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งในเด็ก ที่มาให้ความรู้ถึงความสำคัญเกี่ยวกับของเล่นต่อพัฒนาการของเด็กๆ และการเล่นที่เหมาะกับวัย พร้อมด้วยว่าที่คุณแม่ พอลลีน ล่ำซำ?มาเผยเคล็ดลับการเล่นกับลูกน้อยในครรภ์

 
แพทย์หญิงจุฑาทิพย์ ฟองศรัณย์?ได้อธิบายเกี่ยวกับการเรียนรู้ผ่านการเล่นว่า การกระตุ้นพัฒนาการของเด็กเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะตั้งแต่แรกเกิดเด็กจะมีสมองเพียง 50% แต่อีก 50% ต้องมากระตุ้นที่ด้านนอก ซึ่งในการกระตุ้นเซลล์สมองนั้นมีหลายทางและต้องกระตุ้นทุกระบบประกอบกัน อาทิ การหยิบจับ หรือ การเขียน เป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก การเดิน การทรงตัวเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่

“ในช่วงวัยแรกเกิดถึง 1 ปี ควรเสริมพัฒนาการลูกด้วยกิจกรรมที่เน้นด้านการท่อง การฟัง และการสัมผัส อย่างการอ่านหนังสือการเล่านิทาน และชี้ชวนให้ดูสิ่งต่างๆ ช่วงวัย 1-2 ปี เน้นกิจกรรมที่พูดคุยกับลูก และหากิจกรรมที่ช่วยเสริมกล้ามเนื้อมัดเล็กอย่างการปั้นดินน้ำมัน หรือการวาดภาพระบายสี?และหลังจากวัย 2 ปีขึ้นไป ควรพาเด็กไปเรียนรู้กิจกรรมนอกสถานที่บ้าง เพื่อให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ และการเข้ากลุ่มในสังคม ทั้งนี้ คุณพ่อและคุณแม่ควรจะให้ความสำคัญและศึกษาเกี่ยวกับช่วงวัยของลูก ว่าแต่ละช่วงควรมีการกระตุ้นพัฒนาการแบบใด เพื่อให้กระตุ้นได้ถูกทางและจะทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีมาก การเล่นไม่มีรูปแบบที่ตายตัวแต่บางครั้งต้องดูอารมณ์ของเด็ก ควรจะเล่นหลังจากกินอิ่มใหม่ๆ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เด็กหงุดหงิดได้

พอลลีน ล่ำซำ?ว่าที่คุณแม่คนสวย ที่กำลังตั้งครรภ์ได้?7 เดือน บอกว่า การสัมผัสกับลูกน้อยตั้งแต่เมื่อรู้ว่าตัวเองเริ่มตั้งครรภ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ตั้งครรภ์ระยะสุดท้ายคือ 7-9 เดือน เราต้องช่วยเตรียมความพร้อมให้แก่ลูกเพื่อจะได้ลืมตาดูโลกได้อย่างไม่ต้องปรับสภาพมากจนเกินไป?ดังนั้น ในช่วงดังกล่าวกิจกรรมที่ควรทำกับลูก คือ การ ส่องไฟ การใช้น้ำแข็ง หรือน้ำเย็นลูบท้อง?เป็นต้น เพราะในครรภ์ของมารดามีอุณหภูมิที่อุ่นมากคือ 37 องศา ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเสริมพัฒนาการให้แก่ลูกได้เป็นอย่างมาก

ณัฐพร ยูประพัฒน์?ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทย สเตมไลฟ์ จำกัด ธนาคารสเต็มเซลล์เอกชนแห่งแรกและแห่งเดียว ที่มีการเก็บและรับฝากสเต็มเซลล์ทั้งจากเลือดในรก สายสะดือ และจากกระแสโลหิต กล่าวเสริมว่า การสร้างสังคม Thai StemLife Family ถือเป็นสังคมใหม่เพื่อให้ลูกค้าได้ความรู้ และเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก รวมทั้งได้พบกับกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับลูก และสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็น Thai StemLife Privilege Card ที่เราสรรหาร้านค้าที่ทั้งคุณพ่อ-คุณแม่และคุณลูกสามารถใช้ร่วมกันได้ นอกจากนี้ เรายังมีกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมอื่นๆ ซึ่งทางสมาชิกของ ไทย สเตมไลฟ์?ก็สามารถเข้าร่วมได้อีกด้วย

แนวหน้า