เครือข่ายเกษตรทางเลือกภาคอีสาน โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงร่วมกับ สถานีอนามัยนากระเดา และ องค์การบริหารส่วนตำบลสายนาวัง อำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์ จัดทำ โครงการพันธุ์ข้าวต้านเบาหวาน เพื่อหาคำตอบต่อข้อสงสัย โดยทดลองให้ผู้ป่วยเบาหวานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภค ข้าวหอมมะลิแดง ซึ่งมีสารอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายหลากหลายมากกว่า
นายจรินทร์ คะโยธา ผู้ประสานงานเครือข่ายภูมินิเวศน์จังหวัดกาฬสินธุ์และนครพนม เครือข่ายเกษตรทางเลือกภาคอีสาน และผู้ประสานงานโครงการพันธุ์ข้าวต้านเบาหวานเปิดเผยว่า งานของเครือข่ายฯ มุ่งเน้นเรื่องการอนุรักษ์และพัฒนาสายพันธุ์ข้าวพื้นบ้านและพันธุ์ผักพื้นถิ่น ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนแนวคิดของเกษตรกรให้หันมาทำเกษตรแบบผสมผสาน ลด ละ เลิกการใช้สารเคมี โดยปัจจุบันในพื้นที่อำเภอนาคูมีเกษตรกรในเครือข่าย จำนวน 47 ครัวเรือน ซึ่งแต่ละบ้านจะแบ่งพื้นที่นาประมาณ 5 ไร่มาปลูกและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นบ้านหลายสายพันธุ์ และทำการเกษตรแบบผสมผสาน
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุตรงกันว่าพันธุ์ข้าวพื้นบ้านมีสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวที่นิยมปลูกและบริโภคในปัจจุบันที่มีเพียงไม่กี่สายพันธุ์ และเมื่อมองย้อนไปในอดีต พบว่าบรรพบุรุษของเรามีการปลูกและบริโภคข้าวที่หลากหลายสายพันธุ์ ทำให้ไม่มีใครป่วยเป็นโรคเบาหวาน ประกอบกับเกษตรกรในเครือข่ายมีการปลูกข้าวหอมมะลิแดงอยู่แล้ว จึงร่วมกับสถานีอนามัยนากระเดา ทดลองให้กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานกินข้าวหอมมะลิแดงของเครือข่ายที่ส่งไปตรวจที่สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่ามีคุณสมบัติป้องกันโรคเบาหวานได้ เพื่อหาข้อสรุปที่จะนำไปสู่การขยายผลในการปลูกและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นบ้านออกไปให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพราะข้าวเจ้าเป็นข้าวที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุดและปลูกทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ นายจรินทร์ระบุ
นายอำนาจ วิลาศรี ประธานเครือข่ายภูมินิเวศน์จังหวัดกาฬสินธุ์และนครพนม เล่าว่า ในตำบลสายนาวัง มีพันธุ์ข้าวพื้นบ้านประมาณ 10 สายพันธุ์ แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 4 พันธุ์เท่านั้นคือ ข้าวก่ำ ข้าว สันป่าตอง ข้าวกอเดียว และข้าวหอมมะลิแดง ซึ่งพันธุ์ข้าวพื้นบ้านเหล่านี้มีข้อดีคือทนต่อโรคและความแล้ง ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี แต่ให้ผลผลิตและน้ำหนักดีมีรสชาติอร่อย และจากการสอบถามคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ พบว่าสมัยก่อนมีการกินข้าวไม่น้อยกว่า 7 สายพันธุ์สลับกันไปทำให้ไม่มีใครป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยเฉพาะ ข้าวก่ำ นั้นถือได้ว่าเป็นพญาข้าว จึงมีการบอกต่อ ๆ กันมาว่าทำนาอย่าลืมนำข้าวก่ำให้เอาไปหุงต้มผสมกินจะเป็นยาเพราะเป็นข้าวที่ดีที่สุด
นางดวงพร บุญธรรม หัวหน้าสถานีอนามัยบ้านนากระเดา เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 4 หมู่บ้านที่อยู่ในความรับผิดชอบของสถานีอนามัยประกอบไปด้วยบ้านกุดตาใกล้ หมู่ 4 และหมู่ 7 บ้านนากระเดา หมู่ 5 และหมู่ 6 จากการสำรวจพบว่ามีประชากรป่วยด้วยโรคเบาหวานสูงถึง 70 คน และอีก 20 คนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะน้ำตาลสูงที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งทั้งผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้คนในหมู่บ้านมีความเสี่ยงกับการเป็นโรคเบาหวานสูงมาก ประกอบกับทางเครือข่ายเกษตรทางเลือกฯ มีโครงการพันธุ์ข้าวต้านเบาหวาน จึงหาอาสาสมัครจำนวน 18 คนมาเข้าร่วมโครงการ โดยให้ข้าวไปทดลองคนละ 5 กิโลกรัม และขอความร่วมมือให้กินข้าวพันธุ์หอมมะลิแดงให้ได้ทุกวันวันละ 3 มื้อ
ปัญหาก็คือบางคนกินบ้างไม่กินบ้าง ไม่ครบ 3 มื้อตามที่ขอ เกิดจากการใช้พันธุ์ข้าวหอมมะลิแดงซึ่งเป็นข้าวเจ้าที่ ชาวบ้านไม่นิยมรับประทาน หลังจากนั้น 1 เดือนก็มาตรวจเลือดพบว่ามีผู้ป่วย 8 คนที่มีน้ำตาลลดลง แต่อีก 8 คนกลับมี น้ำตาลเพิ่มขึ้นและ 2 คนมีค่าคงที่ ก็เลยทดลองต่ออีก 3 เดือนซึ่งพบว่ามี 4 คนที่น้ำตาลลดลงอย่างต่อเนื่อง ผลที่ได้อาจจะยังไม่มีความแน่นอน แต่ถือว่าเป็นการนำร่องให้เกิดมีการขยายผลการทดลองเพิ่มขึ้นกับชาวบ้านอีก 32 รายอย่างจริงจังมากขึ้นในขณะนี้ โดยจะมีการติดตามลึกไปถึง พฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคหรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อค่าน้ำตาลด้วย นางดวงพร กล่าว
ข้าวพันธุ์พื้นบ้านสายพันธุ์ต่าง ๆ จะมีคุณค่าของสารอาหารในสัดส่วนที่สูงกว่าข้าวทั่วไปที่นิยมกันในปัจจุบัน อย่างเช่นข้าวหอมมะลิแดงหรือข้าวก่ำ ที่มีเปอร์เซ็นต์ของสารต้านอนุมูลอิสระและมีวิตามินเอในอัตราส่วนที่มาก บางสายพันธุ์มีวิตามินอีสูงมากกว่าถึง 26 เท่าของข้าวทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่มีคุณค่าอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก.
เดลินิวส์