ผู้เขียน หัวข้อ: อุทธรณ์ยืนยกฟ้องหมอไม่ผิดจ่ายยาคลายเครียดจนติด!  (อ่าน 1198 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้องหมอไม่ผิดละเมิดผู้ป่วย อ้างจ่ายยาคลายเครียด “ซาแนกซ์” จนติด เจ้าตัวลั่นสู้ยันฎีกา จ่อฟ้องหมิ่นเพิ่ม
       
       วันนี้ (21 พ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ศาลแพ่งธนบุรี ถ.เอกชัย ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นางวาสนา แพร่คุณธรรม อายุ 46 ปี อดีตพนักงานบริษัทเอกชน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.กิตติ ก่อเกียรติ เจ้าของคลินิกแห่งหนึ่ง เป็นจำเลย คดีผู้บริโภค เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 8,085,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันถัดฟ้อง กรณีเมื่อปี 2543 โจทก์ไปรักษาอาการเครียดที่คลินิกของจำเลย ซึ่งได้จ่ายยาซาแนกซ์ ซึ่งเป็นยาอัลปราโซแลม ขนาด 1 มิลลิกรัมให้โจทก์รับประทาน ครั้งแรกประมาณ 20-30 เม็ด แล้วภายหลังเพิ่มจำนวนยาเป็นครั้งละ 100-300 เม็ด จนถึงจ่ายยาให้เป็นขวดๆ ละ 500 เม็ด ต่อเนื่องนาน 10 ปี จนทำให้โจทก์มีอาการติดยา และผลจากการติดยาทำให้โจทก์เป็นโรคลมชักถาวร จนต้องบำบัดอาการติดยา และผลจากการเป็นโรคลมชัก ทำให้โจทก์ต้องเข้าผ่าตัดจากหัวไหล่หลุดถึง 2 ครั้ง จนโจทก์ไม่สามารถใช้แขนขวาได้ตามปกติ ซึ่งโจทก์ต้องออกจากงานเพื่อรักอาการป่วยด้วย จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าว
       
       คดีนี้ศาลแพ่งธนบุรี มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.54 เห็นว่า คดีนี้จำเลย มีแพทย์เบิกความให้ความเห็นว่า การที่จำเลยสั่งจ่ายยาซาแนกซ์ ตั้งแต่เดือน ต.ค.46-ส.ค.52 เฉลี่ยประมาณเดือนละ 50 เม็ด ถือว่าเป็นการสั่งยาตามปกติไม่ผิดปกติ ขณะที่การกินยาซาแนกซ์ไม่ทำให้เกิดอาการลมชัก ส่วนการชักนั้น เมื่อผู้ป่วยทานยาซาแนกซ์ติดต่อกัน เมื่อหยุดยาทำให้ชักได้แต่ก็ไม่ใช่ลมชัก ซึ่งโจทก์ไม่ได้นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นอย่างอื่น พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยสั่งจ่ายยาให้โจทก์ตั้งแต่เดือน ต.ค.46-ส.ค.52 เฉลี่ยประมาณเดือนละ 50 เม็ด ขนาด ๆ 1 มิลลิกรัม ตามเอกสารเวชระเบียนเป็นการสั่งจ่ายยาตามปกติ ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายและอยู่ในกระบวนการรักษาปกติ ไม่เป็นเหตุให้เกิดโรคลมชักตามที่โจทก์ตั้งเรื่องฟ้องจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์
       
       ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นการละเมิดต่อโจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าทดแทน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
       
       นางวาสนา กล่าวหลังจากฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ว่า จะยื่นฎีกาในคดีนี้แน่นอน และจะปรึกษากับทางทนายความว่าจะมีการฟ้องร้อง นพ.กิตติ เพิ่มเติม ในความผิดฐานหมิ่นประมาทจาก กรณีที่นาย นพ.กิตติเคยยื่นหนังสือต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.กระทรวงสาธารณสุข ในขณะนั้น เพื่อขอคืนใบอนุญาตที่ที่ตนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อแพทยสภาเอาไว้ โดยในหนังสือมีเนื้อหากล่าวหาว่าตนมีพฤติการณ์จัดหาคนเพื่อวางแผนการและมีพฤติกรรมไม่สุจริต ในการเรียกร้องเงินจาก นพ.กิตติ ซึ่งเป็นการใส่ร้ายตนต่อผู้อื่นอีกด้วย

ทีมข่าวอาชญากรรม    21 พฤษภาคม 2555
manager.co.th