ผู้เขียน หัวข้อ: อยากระบายความแย่ของโรงพยาบาลเอกชนที่ไปเจอมาค่ะ pantip  (อ่าน 3868 ครั้ง)

ABBA

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2105
    • ดูรายละเอียด
เมื่อวานนี้(13/05/55) มีพี่เจ้าหน้าที่ที่คณะโทรมาหา บอกขอความช่วยเหลือ เรื่องหลานของเค้าถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน แรกๆเราก็รู้สึกงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เค้าเล่าว่า วันนี้ตอนบ่าย หลานและพี่สาวขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปซื้อของ ระหว่างทางที่เป็นทางโค้ง มีมอเตอร์ไซด์อีกคันเลี้ยวหักมาชนอย่างแรง หลานตัวน้อยอายุ2ขวบก็หล่นกระเด็นศีรษะกระแทกพื้น สลบไป แม่เด็กก็บาดเจ็บ คู่กรณีก็บาดเจ็บ ทั้งหมดจึงถูกส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในขณะนั้นคือโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่งย่านโชคชัยสี่ พอไปถึง เคสน้องสองขวบดูท่าจะอาการโคม่ากว่าใคร หมอส่งทำ CT scane ผลออกมาหมอเล่าให้ญาติฟังว่า กะโหลกร้าว มีเลือดออกที่ฐานสมองจึงส่งผลให้เราเห็นเลือดน้องออกมาทางจมูก สมองน้องก็บวมมาก ตาม่วงคล้า บวม พอปลุกน้องตื่น น้องพอรู้สึกตัว แต่ลืมตาไม่ขึ้น หมอบอกว่า ต้องรอดูอาการก่อน ถ้าเลือดออกมากคงต้องผ่าตัดสมอง ซึ่งอาจต้องผ่าด่วนได้ตลอดเวลา แต่ค่าใช้จ่ายที่นี่แพง ควรจะย้ายไปทำการรักษาที่อื่นดีกว่า โดยแนะนำให้ไปตามโรงเรียนแพทย์ พี่เจ้าหน้าที่คนนี้เลยโทรหาเรา เพื่อเราจะช่วยอะไรเค้าได้บ้าง
อารมณ์แรกที่เรารู้สึกหลังรับฟัง สงสารน้องมาก น้องไปทำกรรมอะไรมา ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ เราจะพยายามช่วยน้องให้ถึงที่สุดละกัน เพราะเราก็พอรู้ว่า ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ราคาค่อนข้างสูง และมักจะเห็นเรื่องของการเงินสำคัญกว่าการทำการรักษา(อันนี้จากประสบการณ์ที่เคยเจอกับครอบครัวตัวเองในสมัยเด็ก สุดท้ายต้องสูญเสียปู่ไป) ทุกเวลามีค่า เพราะเป็นโรคทางสมอง เราต้องรีบๆๆๆๆ ขั้นแรก ถามพี่เค้าก่อนว่าสิทธิ์การรักษาของน้องอยู่ที่ไหน เค้าตอบว่าอยู่โรงบาลรัฐแห่งหนึ่งแถวป้อมพระจุล น้องเคยไปหาที่นั่น ตอนที่น้องไม่สบาย แต่น้องไม่เคยได้พบหมอ คุณพยาบาลจะโทรไปเล่าอาการให้คุณหมอฟัง แล้วทางท่านก็จะจ่ายยามาทางโทรศัพท์ เพราะคุณหมองานเยอะ คนไข้แยะ (อันนี้เราแอบช็อคนะ เพราะไม่เคยเจอลักษณะนี้มาก่อน) ทางญาติน้องเลยไม่อยากให้น้องไปรักษาที่นั่น( ก็จริงนะ ลูกหลานใคร ใครก็รัก อยากให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด) ทางญาติน้องเลยปฏิเสธโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ไป ว่าไม่อยากไปที่นั่น ทีนี้สิคะ คุณพยาบาลบอกกลับมาว่า งั้นติดต่อเอง ได้เตียงแล้วมาบอก จะส่งคนไข้ไปให้....ภารกิจหาโรงพยาบาลของน้องจึงเกิดขึ้นมาตั้งแต่บัดนั้น เริ่มแรก เราเอาโรงพยาบาลใกล้ตัวเราที่สุดก่อน แหล่งเรียนรู้และสถาบันที่รักของเราย่านสีลม โทรถามเพื่อน รุ่นพี่ คนรู้จัก ต่างล้วนตอบว่า ยากมากกกก เพราะน้องไม่ได้เข้ามารักษาที่นี่ตั้งแต่แรก การส่งต่อผู้ป่วยมันเป็นเรื่องที่ยากมากกกกก แล้วที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาลที่นิยมมากในหมู่คนไข้ ดังนั้น เตียงเต็ม และคงเต็มอีกนาน ต่อให้เอาน้องมาก็คงไม่มีที่ให้น้องอยู่ ยาก... เราหมดหวังไปซะแล้ว ทั้งที่ในใจกลับคิดว่าเต็มอ่ะ เข้าใจ แต่มันก็คงจะมีสำรองไว้ สำหรับผู้มีอุปการะคุณหรือผู้ที่นิยมบริโภคก๋วยเตี๋ยวใส่เส้น ( อยู่ที่นี่มานาน ก็พอรู้นะว่าอะไรเป็นอะไร ) อีกอย่าง คนที่จะให้เอามาเข้าอ่ะ ไม่ใช่ญาติข้าพเจ้า แค่คนรู้จักหนิ
ย้อนกลับมาอีกฟาก ที่โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลเรียกเอาค่าใช้จ่าย 3x,xxx ค่ะ สำหรับวันแรก แล้วเค้าเรียกไปคุยว่า พรุ่งนี้ ให้เอาเงินมาวางสอนแสน มิเช่นนั้น ทางโรงพยาบาลจะไม่ดำเนินการใดๆต่อไปกับคนไข้(แหม ตอนนี้ก็ไม่เห็นจะทำอะไร สังเกตอาการอย่างเดียว แล้วจะมาเอาอะไรกับคนหาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเงินเป็นถุงเป็นถัง ถ้าน้องเป็นอะไรไป ใจคอจะไม่ช่วยอะไรเลยเหรอคะ จ ร ร ย  บ ร ร ณ หนีไปพักร้อนเหรอคะ) พี่เจ้าหน้าที่ก็ร้อนใจสิคราวนี้ จะทำยังไง คู่กรณีเค้าบอกว่าจะยอมจ่ายค่ารักษาของน้องให้ แต่ ทางนั้นก็ไม่ได้มีฐานะอะไร หลานเราจะเป็นยังไงมั๊ย พอเรารู้เรื่อง ยิ่งร้อนใจ อย่างนี้แล้วกัน โทรหาอาจารย์แพทย์ท่านหนี่งที่เคยรู้จักที่โรงพยาบาลชื่อดังแถววังหลัง... อาจารย์ท่านให้คำแนะนำ ให้เรารีบติดต่อฉุกเฉิน คุยขอความเห็นใจกับหมอโดยตรง โดยบอกเบอร์โทรศัพท์มาให้เรา แล้วท่านบอกว่า โรงพยาบาลอื่นท่านไม่รู้ แต่โรงพยาบาลที่นี่ไม่เคยปฏิเสธคนไข้ เราเลยรีบติดต่อไป คุยกับหมอเวรที่นั่น จนได้เรื่องว่าเดี๋ยวทางนี้จะโทรไปคุยกับหมอที่โรงพยาบาลเอกชนที่นั่นละกันว่าอะไรยังไง เราเลยรีบบอกญาติน้องให้บอกพยาบาลที่นั่นไว้ว่าเดี๋ยวจะมีหมอโทรไปถามอาการ พยาบาลกลับบอกว่า หมอกลับบ้านไปแล้ว หมอเจ้าของไข้ไม่อยู่ พยาบาลให้ข้อมูลไม่ได้ มีแต่ใบส่งตัวน้อง ที่หมอเขียนไว้ก่อนกลับไป ทางโรงบาลรัฐย่านวังหลังเลยให้ช่วยแฟกซ์เอกสารไป แล้วทางนั้นเค้าก็ติดต่อคุยกันกับทางโรงพยาบาล สุดท้าย เวลาผ่านพ้นไปเกือบเที่ยงคืน พยาบาลโทรมาบอกว่า ทางนั้น เตียงเต็ม บอกว่าน้องไม่ใช่กรณีเร่งด่วน ให้ดูอาการที่นี่ต่อ......ญาติน้องฝันสลาย...โทรบอกเรา ระหว่างนั้น เราติดต่อโรงพยาบาลให้อีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลชื่อดังแถวสามแสน แถวตึกชัย มากมายค่ะ ทุกที่บอกว่า ต้องให้ทางโรงพยาบาลติดต่อมาเอง หมอต้องคุยกับหมอเท่านั้น ซึ่งเราเข้าใจนะ เพื่อดูสถานการณ์ว่าภาวะปัจจุบันของคนไข้เป็นยังไง ................แต่........... โรงพยาบาลเอกชนโดยเจ๊พยาบาลคนเดิม ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่อยากจะทำให้ (อะไรเนี่ยเจ๊) สุดท้ายทุกๆที่ก็ล้มเหลวไป... บางที่ก็แนะว่าให้ไปที่ สปสช. สิคะ ....คือเข้าใจนะ แต่ตอนนี้อาการเด็กก็แอบฉุกเฉิน ไม่ได้ทำอะไรด้วย นอนอยู่อย่างนั้น อาจต้องผ่าตัดได้ทุกเมื่อ แล้วไงละคะ ท่านก็โบ้ยกันไปโบ้ยกันมาก จนดิฉัน เหนื่อย ท้อ มรึน จะตีหนึ่งแล้ว จะโทรหาอาจารย์คนอื่นอีกก็ไม่กล้า น้องก็ฉุกเฉิน เอางี้แล้วกัน โทรหาเพื่อนๆที่อยู่เวร รวมทั้งอยู่นอน ปรึกษาๆๆ ช่วยๆกัน..... ตีสองแล้ว โรงพยาบาลในกรุงเทพฯมันช่างหายากจริงๆ นี่น้องจะต้องเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ เพียงแค่ เราไม่มีเส้นสาย(เพราะเรายังเพิ่งจบ เป็นตัวน้อยๆ มิอาจสู้อำนาจอันยิ่งใหญ่ในระบบได้) ทางน้องรวมทั้งคู่กรณีที่จะออกค่ารักษาให้ก็ไม่มีเงิน(เงินเป็นก้อนๆไปค้ำไว้) .........เด็กน้อยต้องตายหรือเสียอนาคตไปเลยหรือ...... เส้นสาย เงิน ทำให้คุณค่าในชีวิตของคนไม่เท่าเทียมกันจริงๆ  เราเริ่มจะจิตตกแล้วทีนี้ งั้นนอนดีกว่า พรุ่งนี้สู้ใหม่
ตื่นเช้ามา(15/05/55) แอบเพลียเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ  ตอนนี้ตีห้าแล้ว น้องจะเป็นยังไงบ้าง คิดๆๆๆๆๆ จะช่วยยังไง เลยคุยกับป่าป๊าเราดีกว่า ป๊าบอกว่าป๊าก็สงสารน้อง ถ้าไม่มีเงินจริงๆ 2แสนป๊าออกให้ ไม่อยากเห็นน้องตาย แต่เราคิดนะ ถ้าเด็กอาการแย่จริง โรงพยาบาลเค้ากล้าปล่อยไปให้ตายเหรอ ....แต่คงกล้าแหละ หึหึหึ ย้ายโรงพยาบาลดีที่สุด เพราะมันคงไม่ใช่สองแสน แต่อีกบานนนนเลย เราโทรหาพี่เจ้าหน้าที่ทันทีตอนเช้า พี่เค้าเล่าว่า พอมีคนรู้จักทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนที่นั่น ให้เค้าลองโทรถามอาการน้องกับพยาบาล(ประมาณว่าวงในคุยกัน) พยาบาลว่าสมองบวมมาก หมอก็ว่าอาจจะต้องผ่าแล้ว....แต่ คำบอกทั้งหมดนั้น กลับไม่มีใครบอกกับญาติของคนไข้ วันนี้น้องตาบวมมาก หัวก็บวม เราเลยยิ่งร้อนใจ บอกว่าให้พี่เค้าช่วยให้หมอเวรเขียนอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อคืนได้มั๊ย วันนี้เราจะวิ่งหาโรงพยาบาลกันต่ออย่างจริงจัง.... ได้รับคำตอบจากพยาบาล ก็ใช้ใบเดิมเมื่อคืนนี่แหละ ไม่ต้องมีไรเพิ่มหรอก ....(แอบแย่นะเนี่ย) โอเคค่ะ ไม่ให้ก็ไม่เอา ใบเดิมก็ใบเดิม สู้ๆๆๆ เพื่อน้อง  ที่แรกสำหรับวันนี้ .... โรงพยาบาลเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ที่นี่แหละ คนรับแน่ๆ คิดในใจนะคะ ด่านแรก พยาบาล ... ท่านนี้เห็นใจเราค่ะ แถมบอกเราด้วยนะว่า ที่นี่อ่ะ มีประกันสุขภาพเด็ก ยังไงก็รับ แต่ขอคุยกับอาจารย์อีกที ถ้ายังไงจะขออาจารย์ให้(พูดซะแบบนี้ ใจเราก็ชื้นสิ หัวใจพองโตมากกกก) ... ต่อสาย คุยๆๆๆๆๆๆ ระหว่างนั้นที่โรงพยาบาลเอกชนก็ยังคงเน้นย้ำ วันนี้นะคะ สองแสนค่ะสองแสน ไม่วางไม่ทำอะไรต่อนะคะ ....กลับมาที่โรงพยาบาลเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม อาจารย์ท่านกล่าวว่า ที่นี่ เคสเยอะแล้ว ย้ายมากลัวดูแลไม่ทั่วถึงมีสิทธิ์ที่ไหนนะเด็กคนนี้ อ๋อๆ ที่นั่นเหรอ ทำไมไม่ไปล่ะ ....อืม เข้าใจ ที่นั่นรู้สึกจะไม่มีศัลยกรรมประสาทด้วย แต่ไปเถอะ ......... ช้านงงอ่ะ เกิดไรขึ้น แบบนี้เลยหรือ แถมทางนั้นพอรู้ว่าเราไม่ใช่ญาติน้อง แต่แค่ช่วยน้องเฉยๆ เค้าก็บอกว่า บางทีบางเรื่องก็ต้องปล่อยไปตามยถากรรม อืมมมม บุญพาวาสนาส่ง ครอบครัวเด็กไม่มีเงินนิ จะให้ได้รับการรักษาที่ดีที่สุดไม่ได้หรอก.......อร๊ายยยยยย หัวใจถูกเจาะลม แตกผลั่กๆๆๆๆ  ความรู้สึก ณ นั้น ขัดกันกับที่เรียนมาโดยสิ้นเชิง จ ร ร ย  บ ร ร ณ หายไปไหนคะ คุณธรรม จริยธรรม หายไปไหนคะ เศร้ามากกกกกกกกก.....แต่เราต้องสู้ เพื่อน้อง ลุยต่อ (ระหว่างนั้นเราก็ยังคงติดต่อไปที่โรงพยาบาลที่เราคุ้นเคย เมื่อคืนนี้ ที่เตียงเต็มๆอ่ะค่ะ แล้วพอได้เรื่องมาว่า มีพี่เจ้าหน้าที่ในนั้นคนนึงจะช่วยวิ่งเต้นให้) ต่อมา โรงพยาบาลของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เราโทรหารุ่นน้อง เล่าให้น้องฟัง น้องเห็นใจ แล้วก็รีบดำเนินการต่อให้เรา โดยน้องบอกว่า จะพยายามหาให้(ขอบคุณนะคะน้อง น้ำใจน้องพี่สีชมพู จริงๆ) ลุยต่อค่ะ อีกที่ โรงพยาบาลเลิดสิน อันนี้ขอออกชื่อนะคะ พอดีมีรุ่นพี่ทำงานอยู่ที่นั่น ประกอบด้วยความเมตตาของอาจารย์ที่คณะ ท่านช่วยติดต่อประสานอาจารย์ที่เลิดสินให้(เล่าให้อาจารย์ฟังทั้งหมด แล้วย้ำตรงที่สองแสน ซึ่งมันปรี๊ดมาก) ทางอาจารย์ก็ยอมรับทันที่ค่ะ .........ขอปรบมือดังๆให้สิบแปดล้านครั้ง..... อาจารย์จะโทรไปทางโรงพยาบาลเอกชนเอง เพื่อย้ายน้องมารักษา เราดีใจมาก เลยหยุดหาที่อื่นๆต่อ สักพัก อาจารย์ที่เลิดสินติดต่อมาทางอาจารย์ที่คณะ บอกว่าโทรไปแล้ว แต่พยาบาลบอกว่า ญาติคนไข้ปฏิเสธการรักษาที่เลิดสิน จะขอรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ต่อ ....กรรมสิคะ เรางง ถามพี่เจ้าหน้าที่เลยทันที ว่าจริงมั๊ย สรุปนะคะ พี่เค้างง บอกว่าอะไรยังไง ไม่มีใครพูดอะไรเลย.... เลยต้องกลับไปขอโทษอาจารย์ที่เลิดสิน พร้อมบอกว่า ญาติไม่ได้ปฎิเสธค่ะ แต่ทางพยาบาลเค้าปฎิเสธเอง(ปั้นน้ำเป็นตัว) ทีนี้ล่ะค่ะ ความแตก ....โรงพยาบาลนี้ ช่าง...มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกที่สุดในสามโลก พยายามตัดทางผู้ป่วย ให้ไม่มีทางเลือก ไม่มีที่ไป จะได้หาเงินมาวางที่โรงพยาบาล ที่นี่คงไม่ใช่โรงพยาบาลในความคิดเราอีกแล้ว แต่เป็นโรงฆ่าสัตว์หรูๆนี่เอง ตอนเย็นเกิดเอะใจลองตรวจสอบดู พบว่ากรณีที่โรงพยาบาลย่านวังหลังคงได้รับคำตอบแบบเดียวกันกับโรงพยาบาลเลิดสินในตอนแรกนี่แหละ...สรุปว่าปัจจุบัน น้องย้ายออกมาเลิดสินค่ะ แต่กว่าจะออกได้ ปาเข้าไปสามชั่วโมง เพราะว่าไม่จ่ายเงินให้ครบ ไม่ต้องออกไป พอถึงเลิดสินตอนเย็น น้องอาการซึมลง มีไข้ อาจารย์เลยสั่งทำ CT ใหม่ สรุปว่า ผลมันไม่เหมือนที่โรงพยาบาลเดิมแจ้ง คือว่ามันมีมากกว่านั้น กะโหลกยุบด้วยค่ะ ตอนนี้อาจจะติดเชื้อปอดด้วย สมองก็บวมมากขึ้น........ไม่รู้ว่าต่อไปน้องจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยพี่คนนี้ก็สบายใจในระดับหนึ่งแล้ว น้องอยู่ในมือแพทย์ แพทย์ที่มีจรรยาบรรณ แพทย์ที่ดี(ซึ่งน่าจะมีมากในสังคม แต่แค่คนส่วนมากเข้าไม่ถึง) ต่อไปนี้ ขึ้นกับตัวน้องนะคะ ว่าน้องจะสู้แค่ไหน พี่จะเป็นกำลังใจให้น้องเสมอค่ะ ^^
กรณีนี้ สอนใจตัวเราเองมากๆ
1.เงินทอง เส้นสาย ทำให้ชีวิตคนมีค่าไม่กัน น้องโชคดี มีเราช่วยได้บ้าง แต่กรณีคนอื่นๆล่ะ ถ้าเค้าไม่รู้จักอะไรใครเลย เค้าจะทำอย่างไร ชีวิตคนมันควรมีค่าเท่ากันนะ
2. ค่าของคน มีค่าเท่ากัน อย่าเห็นว่าชีวิตของชาวบ้านทั่วไป มีค่าน้อยไปกว่าชีวิตของ แพทย์ นักวิชาการ ผู้มีฐานะทางสังคม
3.จรรยาบรรณควรอยู่คู่วิชาชีพ ให้คิดเสมอ คนที่เค้าเดือดร้อน ถ้าเราสามารถช่วยเค้าได้ หรือมีหน้าที่ช่วยเค้า ควรทำ ให้คิดเหมือนว่าเค้าคือญาติของเรา ญาติใคร ใครก็รัก จะมาช่างเผือกช่างมัน หาแต่ผลประโยชน์ไม่ได้
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตน เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ตัวท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมแห่งอาชีพ ไว้ให้บริสุทธิ์”
พระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก เรารู้กันมาตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กน้อย เริ่มเรียน เริ่มเข้ามาอยู่ในวงการสาธารณสุข สิ่งเหล่านี้ไม่รู้ว่าหายกันไปไหนหมด หรือว่าอาจจะเคยมี แต่วันนี้ มันถูกหลอมไปหมดแล้ว ด้วยระบบ และองค์กร
4. ทุกวันนี้ ตามโรงพยาบาลชั้นนำ ต่างแข่งกันก้าวสู่ระดับสากล พัฒนาศูนย์ให้ใหญ่โต สร้างตึกมากมาย แต่คุณกลับลืมพัฒนาระบบพื้นฐาน การเอาใจใส่ผู้ป่วย หรือแม้กระทั่งจิตใจของบุคลากรในโรงพยาบาล... ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงระบบจะโต แตมันจะเหมือนคนตัวโตสมองกลวง ถ้าทุกฝ่ายได้รับการเอาใจใส่ดูแลที่ดี ไม่ว่าจะทางผู้ให้บริการหรือผู้รับบริการ ระบบมันก็จะมั่นคง พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว
5. บางทีอะไรๆก็ต้องตามขั้นตอน ระบบราชการ มันก็ไม่ได้ดีเสมอไปหรอกนะ
6. สิทธิบัตรทอง ประชาชนเค้าอยากใช้สิทธินี้อยู่แล้วค่ะ ตามโรงพยาบาลที่ท่านกำหนดด้วยซ้ำ หากแต่เพียงว่า ท่านจะช่วยพยายามปรับคุณภาพของโรงพยาบาล การเอาใจใส่ผู้ป่วย บุคลากรเพียงพอและพอเหมาะ ให้ได้มาตรฐานเดียวกัน คนไข้ก็คงไม่วิ่งไปตามโรงพยาบาลรัฐดังๆหรอกค่ะ สะดวก ใกล้บ้าน มีคุณภาพ มีสิทธิ์ ใครๆก็ชอบทั้งนั้น ทุกคนรักตัวเอง รักชีวิตตัวเองทั้งนั้น ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่เค้าจะไม่ไปใช้สิทธิ์ในโรงพยาบาลที่ถูกยัดเยียดให้เลือก เพราะทุกคนก็ต้องอยากให้คนที่เรารักได้รับการรักษาที่ดีที่สุด
7.  รู้สึกดี พี่ช่วยน้อง อย่าน้อย พี่ก็รู้ว่า ในใจพี่ยังมีคุณธรรม และจรรยาบรรณที่มนุษย์ทั่วไปควรจะมี ^^

ปล. ทั้งหมดที่เขียน คือมุมมองของผู้หญิงคนหนึ่งก็เท่านั้นเอง