ชมรมเพื่อนผู้ป่วยไตหนุนรวมบริหารจัดการโรคไต 3 กองทุน เชื่อรัฐเดินหน้ายากมีแรงต้านทั้งจาก ขรก.-ผู้ประกันตน แถมสถานพยาบาลเอกชนไม่เห็นด้วยแน่นอน
นายสุบิน นกสกุล ประธานชมรมเพื่อนผู้ป่วยโรคไต กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมเดินหน้ารวมบริหารจัดการ 3 กองทุนรักษาพยาบาล ได้แก่ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช. หรือบัตรทอง) กองทุนประกันสังคม และกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เพื่อจัดการบริหารผู้ป่วยโรคไต ว่า ในวันที่ 28 เม.ย.2555 นี้ ทางคณะกรรมการชมรมเพื่อนผู้ป่วยโรคไตเตรียมที่จะมีการหารือในเรื่องนี้ ซึ่งเบื้องต้นเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพราะปัจจุบันสิทธิ์ของ 3 กองทุนยังมีความเหลื่อมล้ำกันอยู่มาก ในส่วนของระบบสวัสดิการข้าราชการนั้นจะจ่ายตามอัตราการเรียกเก็บของ รพ.อยู่ที่ 2,000-3,000 บาท ขณะที่ระบบประกันสังคมนั้นจะจ่ายให้ผู้ประกันตนในอัตรา 1,500 บาท ซึ่งหากสถานพยาบาลคิดค่าฟอกไตที่เกินกว่านั้นจะสามารถเรียกเก็บเพิ่มเติมจากผู้ประกันตนได้ ส่วนระบบบัตรทองจะเป็นการกำหนดอัตราการจ่ายให้กับสถานพยาบาลที่ 1,500 บาท โดย สปสช.จะจ่ายให้ 1,000 บาท ที่เหลือ 500 บาทให้เป็นการร่วมจ่ายของผู้ป่วย สำหรับในส่วนของยาและค่ารักษานั้น ทั้ง 3 กองทุนไม่แตกต่างกันมากนัก
"ตามภาวะการดำเนินโรคแล้ว ผู้ป่วยที่ล้างไตผ่านช่องท้องในช่วง 5-6 ปี จะต้องเปลี่ยนมาล้างไตผ่านเครื่องแทนซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการเข้ารับบริการกับทางเอกชนมากขึ้น เรียกว่าเป็นการลดช่องว่างระหว่างระบบรักษาพยาบาลที่เป็นปัญหาขณะนี้" ประธานชมรมเพื่อนผู้ป่วยโรคไตกล่าว
นายสุบินกล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นไปได้ในการขยับเพิ่มอัตราการจ่ายค่าฟอกไตในระบบบัตรทอง เพื่อให้ใกล้เคียงกับระบบอื่นๆในการรวมบริหารจัดการ เห็นว่าในอนาคตต้องมีการขยับปรับเพิ่มอย่างแน่นอนเพื่อให้เหมาะสม อาจอยู่ที่ 1,700 บาท แต่ปัจจุบันราคาฟอกไต 1,500 บาทถือว่าเหมาะสมแล้ว แม้ว่าจะเป็นอัตราที่ใช้มาในช่วง 4-5 ปี เพราะว่าค่าครุภัณฑ์ต่างๆ ไม่ได้ขยับเพิ่ม ทั้งนี้ ในการประชุมปลายเดือนนี้ยังจะมีหารือเพื่อดูในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ป่วยโรคไตในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพิ่ม เพื่อที่จะนำเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป
"การผลักดันในเรื่องนี้ส่วนตัวเห็นว่าคงเป็นไปได้ยาก แตกต่างจากการรวมบริหารจัดการผู้ป่วยฉุกเฉิน และไม่แน่ใจว่าในปีหน้านโยบายนี้รัฐบาลจะผลักดันออกมาได้หรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะมีแรงต่อต้านผู้มีสิทธิ์ของแต่ละกองทุน โดยเฉพาะในส่วนของระบบสวัสดิการข้าราชการที่เบิกได้เต็มที่แล้ว ยังมีแรงต้านจากสถานพยาบาล โดยเฉพาะในส่วนของ รพ.เอกชน เพราะการทำในเรื่องนี้เท่ากับว่าเป็นการกำหนดเพดานการเบิกจ่าย ซึ่งจะทำให้สถานพยาบาลเสียประโยชน์ในการเรียกค่าบริการฟอกไต".
ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 17 เมษายน 2555