สาธารณสุข * "สธ." ถกเครียด รพ.นอก กทม. เคลียร์ปัญหาเตียงเต็ม รองรับผู้ป่วยฉุกเฉินจาก 3 กองทุน สรุปให้ รพ.ราชวิถีเป็นศูนย์การส่งต่อและกระจายผู้ป่วย เผย 15 วันมีผู้ป่วยฉุกเฉิน 3 กองทุนเข้ารับบริการ รพ.นอกสังกัด 300 คน
เมื่อวันที่12 เมษายน 2555 เวลา 11.00 น. นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อวางแนวทางการส่งต่อผู้ป่วย 3 กองทุน ภายหลังจากที่มีการรวมบริหารจัดการผู้ป่วยฉุกเฉินว่า หลังจากที่ได้มีการเดินระบบจัดการบริหารร่วม 3 กองทุน ในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 จนถึงขณะนี้เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้ว จากการประเมินผลในภาพรวมของระบบ พบว่าประชาชนต่างรู้สึกพอใจกับระบบนี้ เพราะเป็นระบบที่ดูแลในส่วนวิกฤติที่ส่งผลต่อชีวิตและความพิการ ประชาชนจึงเป็นผู้รับประโยชน์จากระบบอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในส่วนข้าราชการ แต่ทั้งนี้จำเป็นที่ทาง สธ.ต้องประเมินและดูว่ามีปัญหาอะไรบ้างที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อทำให้ระบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นพ.ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ในช่วง 15 วันที่ผ่านมา ถ้าไม่นับรวมผู้ป่วยในระบบฉุกเฉินตามปกติ จะมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ใช้บริการในสถานพยาบาลนอกระบบ 300-400 รายทั่วประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนไม่มาก แต่ในช่วงการรักษาภายหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการคงที่แล้ว ทางโรงพยาบาลเอกชนต่างต้องการที่จะส่งต่อผู้ป่วยกลับไปยัง รพ.ตามสิทธิ์รักษาพยาบาลของแต่ละคนที่ยังพบว่ามีปัญหาอยู่ จึงต้องมีการจัดระบบการรองรับส่งต่อให้ดีขึ้น วันนี้ (12 เม.ย.55) จึงได้เชิญตัวแทน รพ.ในสังกัด สธ.ทั้งที่อยู่ใน กทม. ปริมณฑล และจังหวัดโดยรอบมาหารือ เพื่อจัดวางระบบให้มีความพร้อมมากขึ้น
"เราจะใช้วิธีการเดียวกันกับช่วงที่เกิดน้ำท่วมคือ จากรอบนอกส่งเข้าข้างในคือ รพ.ราชวิถี หากที่นี่รับไม่ได้ก็จะส่งออกไปยัง รพ.รอบนอกอื่นๆในรัศมี 50 กิโลเมตร และรัศมี 100 กิโลเมตร" นพ.ไพจิตร์กล่าว
ด้าน นพ.สมชัย นิจพาณิช รองปลัด สธ. กล่าวว่า ขณะนี้มีการนำเสนอปัญหามาว่าในกรณีที่ผู้ป่วยฉุกเฉินรักษาจนอาการทุเลาลงแล้วจะส่งต่อกันอย่างไร จึงต้องมีการจัดทำระบบเพื่อให้มีเตียงเพียงพอรับผู้ป่วยในอนาคต โดยเฉพาะในส่วนพื้นที่ กทม. ซึ่งเป็นพื้นที่มีปัญหาค่อนข้างมาก จึงกำหนดให้ รพ.สังกัดกรมการแพทย์เป็นศูนย์กลางการส่งต่อก่อน โดย รพ.ราชวิถีเป็นศูนย์กลาง และรอบนอกมี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตน์ และสถานบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จากนั้นจึงกระจายผู้ป่วยไปยัง รพ.รอบปริมณฑล อย่าง รพ.สมุทรปราการ รพ.อยุธยา รพ.ปทุมธานี รพ.พระนั่งเกล้า รพ.สมุทรสาคร และ รพ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งหากไม่มีเตียงว่างพอก็จะมี รพ.ชลบุรี รพ.สระบุรี รพ.นครปฐม และ รพ.ราชบุรี อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ผ่านมามี รพ.เอกชนที่ส่งต่อผู้ป่วยเพียง 10-20 รายเท่านั้น ยังไม่มากและรองรับได้ แต่เราจำเป็นต้องจัดระบบเพื่อเตรียมความพร้อมไว้ก่อน.
ไทยโพสต์ -- ศุกร์ที่ 13 เมษายน 2555