แถลงการณ์สมาพันธ์แพทย์รพศ./รพท.แห่งประเทศไทย
และเครือข่ายสหวิชาชีพทางการแพทย์
เรารวมพลังวันนี้ เพื่อแสดงพลังคัดค้าน ร่างพ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ที่ไม่เป็นธรรม เพื่อถอนร่าง พ.ร.บ.ฯออกจากสภาผู้แทนราษฎร มาทำประชาพิจารณ์ ให้เกิดความรอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
แม้เจตนารมณ์ของกฎหมายดี แต่สาระและเนื้อหา ขัดแย้งกัน กลับทำลายสัมพันธภาพที่ดี ระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ที่มีมาอย่างยาวนาน และมีผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุขโดยรวม มีประชาชนส่วนน้อยที่ได้รับประโยชน์ แต่ประชาชนส่วนใหญ่เสียประโยชน์
เราจึงขอเป็นตัวแทนของบุคลากรสาธารณสุขทั่วทั้งประเทศ ต้องการสื่อความเข้าใจ ถึง รมต.สธ. รัฐบาล ส.ส. ส.ว. สื่อมวลชน และประชาชนทั้งหลาย
หากกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้จะเกิดปัญหาตามมาดังนี้
1.ทำลายสัมพันธภาพอันดีมาอย่างยาวนาน ระหว่างผู้รักษาและผู้ป่วย เพราะจะมีการร้องเรียนและฟ้องร้องมากขึ้น ก่อให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างกัน เกิดภาวะการแพทย์ปกป้องตนเองอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น (defensive medicine) เพราะผู้รักษาขาดความมั่นใจในการตัดสินใจรักษาผู้ป่วย เนื่องจากไม่แน่ใจว่ากรรมการจะตัดสินตามมาตรฐานหรือตามความถูกใจของกรรมการ
2.เกิดความไม่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เพราะขาดผู้เชี่ยวชาญจากสภาวิชาชีพ ในคณะกรรมการกำหนดนโยบาย/พิจารณา/อุทธรณ์
3.ซ้ำเติมภาวะขาดทุนกับรพ.ของรัฐ ซึ่งปัจจุบัน ขาดทุนแล้ว 505 แห่ง และจะส่งผลกระทบถึงคุณภาพบริการแก่ประชาชนส่วนใหญ่ เนื่องจากต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุน ทำให้โรงพยาบาลไม่มีเงินซื้อยาและเวชภัณฑ์ที่ดีมารักษาผู้ป่วย และพ.ร.บ.นี้จะทำลายขวัญกำลังใจของบุคลากร
4.สร้างภาระงบประมาณของประเทศมากขึ้น เพื่อการดำเนินงานของกองทุนและองค์กรใหม่
5.ประชาชนผู้เจ็บป่วยที่มารับการรักษาจากรพ.เอกชน จะต้องรับภาระค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น เนื่องจากรพ.เอกชนก็จะถูกบังคับจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนตามพ.ร.บ.นี้ ทำให้รพ.เอกชนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ต้องมาเรียกเก็บจากผู้ป่วยอย่างแน่นอน(ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น)
6.ทำลายคลินิก ร้านขายยา ขนาดเล็ก ที่ให้การรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ อาจจะต้องปิดกิจการลง เพราะถูกบังคับร่วมจ่ายสมทบเข้ากองทุน ทั้งๆที่ต้องเสียภาษีให้รัฐอยู่แล้ว ซึ่งก็คงจะต้องผลักภาระค่าใช้จ่ายนี้ไปสู่ผู้ป่วยอย่างแน่นอน
ทางออกที่เหมาะสม
1.ม.41 ในพ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพฯ ควรขยายฐานให้ครอบคลุม สิทธิประกันสังคม และข้าราชการ เพิ่มเพดานจ่ายมากขึ้น ใช้กลไกเดิมในการพิจารณาเงินชดเชย ซึ่งรวดเร็วและเป็นธรรมอยู่แล้ว ไม่ต้องเสียงบประมาณเพื่อค้ำจุนองค์กรใหม่
2.แหล่งเงินสมทบควรมาจาก งบเดิม ในม.41 กองทุนประกันสังคม และเงินกองทุนค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ
3.เมื่อมีการประนีประนอมรับเงินชดเชย ควรยุติคดีแพ่งและอาญา ถ้าไม่พอใจวงเงิน ควรสละสิทธิ์ และฟ้องศาล
4.องค์ประกอบของคณะกรรมการทุกคณะ ควรมีสัดส่วนที่สมดุล ทั้งตัวแทนภาครัฐ ผู้รักษา ผู้ป่วย และควรให้ผู้เชี่ยวชาญจากสภาวิชาชีพเป็นผู้ตัดสินมาตรฐานการรักษาผู้ป่วย
การตัดสินบนความถูกต้อง อาจจะไม่ถูกใจใครบางคน แต่ประเทศชาติต้องยึดหลักความถูกต้องไม่ใช่ถูกใจใครบางคน จึงจะเกิดสันติสุขในบ้านเมือง
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สมาพันธ์แพทย์ฯ
พญ.สุธัญญา บรรจงภาค (086-623-9710) รพ.นครปฐม
29-30 ก.ค.2553