ผู้เขียน หัวข้อ: หนุ่มร้องหมอฉีดยาผิดทำขาชา รพ.โต้ชี้คนไข้เป็นเนื้องอก  (อ่าน 1026 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
ผอ.รพ.สตูล ยืนยันไม่ได้ฉีดยาให้คนไข้ที่ปวดท้องผิด ย้ำพยาบาลไม่ได้ฉีดยาชาให้ ชี้เกิดจากความเจ็บปวดจากเนื้องอกทับเส้นประสาท ยืนยันตรวจอย่างละเอียดแล้ว...

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 เม.ย.  ที่บ้านเลขที่ 97/2 ซอยร่วมพัฒนา ถนนสถิตยุติธรรม ในเขตเทศบาล อ.เมือง จ.สตูล ซึ่งเป็นบ้านเช่าที่ นายธวัช คงไข่ อายุ 41 ปี บ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 121 ม.4 ต.หนองพลี อ.รัษฎา จ.ตรัง เป็นผู้เช่าอาศัยอยู่กับภรรยาและลูก 1 คน ซึ่งนายธวัชได้ร้องขอความเป็นธรรมผ่านผู้สื่อข่าวใน จ.สตูล ว่า ตนมีอาชีพเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้าง และเมื่อคืนวันที่ 26 มี.ค. 2555 ที่ผ่านมา ตนมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง จึงไปหาหมอที่ รพ.สตูล เมื่อถึงโรงพยาบาล พยาบาลได้ฉีดยาที่สะโพกให้ 2 เข็ม ฉีดนานประมาณ 30 นาที จากนั้นตนก็รู้สึกชาที่ขาข้างขวา ไม่มีความรู้สึกอะไรตั้งแต่สะโพกลงไปถึงปลายเท้า และทาง รพ.สตูล ก็ไม่ให้ตนกลับบ้าน พอสอบถามหมอที่ รพ.สตูล หมอบอกว่า น่าจะเกิดจากฤทธิ์ยา พร้อมแนะนำให้ทำการบำบัด

กระทั่งวันที่ 4 เม.ย. 2555 อาการของตนยังไม่ดีขึ้น ทางหมอได้อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล แต่ก่อนออกจากมามีพยาบาลคนหนึ่งถามตนว่า ยังติดใจเรื่องฉีดยาผิดอีกหรือไม่ ตนจึงแกล้งบอกว่าไม่ติดใจอะไร เพราะเชื่อว่า หากบอกว่าติดใจ ทางโรงพยาบาลจะไม่ให้ออกจากโรงพยาบาล และหลังออกมาแล้ว ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ไพโรจน์ พิจิตรบรรจง ร้อยเวร สภ.เมืองสตูล เพื่อลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากเชื่อว่า พยาบาลนำยาผิดมาฉีดให้ตน โดยพนักงานสอบสวนก็ได้ลงประจำวันไว้

นายธวัช กล่าวเพิ่มเติมว่า จากอาการที่เกิดขึ้น ทาง รพ.สตูล จะส่งตนไปรักษาตัวที่ รพ.มอ.สงขลา การรักษาคือ ผ่าตัดสันหลัง ทาง รพ.สตูล จะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย แต่ตนเห็นว่าไม่เกี่ยวกับสันหลัง เพราะเป็นที่ขา และการผ่าหลังคาดว่าจะหายเป็นปกติแค่ 60% ที่ร้องผ่านสื่อมวลชนนั้น ตนจะไปรักษาตัวเอง แต่ขอให้ทาง รพ.สตูล รับผิดชอบค่าใช้จ่าย เพราะหลังจากเกิดเหตุทั้งตนและภรรยา ปกติทั้งคู่จะทำงานก่อสร้างได้วันละ 800 บาท แต่หลังจากตนป่วย ก็ไม่เคยมีรายได้เลย ภรรยาก็ไม่ได้ทำงานต้องมาดูแลตน เพราะฉะนั้น ตอนนี้ตนไม่มีเงินเลย สำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละวันมีค่าใช้จ่ายมาก เฉลี่ยแล้วตกเดือนละนับหมื่นบาท จึงขอวอนผ่านสื่อให้ทาง รพ.สตูล หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้การช่วยเหลือด้วย

ด้าน นพ.ธีรชัย เอื้ออารยาภรณ์ ผอ.รพ.สตูล กล่าวชี้แจงเรื่องดังกล่าวว่า นายธวัชได้มาพบแพทย์ที่ รพ.สตูล หลังจากมีอาการปวดท้อง หมอฉีดยาเข็มแรกไม่หาย จากนั้นก็ฉีดเข็มที่ 2 โดยฉีดเข้าที่สะโพก และให้นอนพักที่โรงพยาบาล กระทั่งเวลาผ่านไป 6 ชั่วโมง นายธวัชยังคงมีอาการปวดท้อง หมอจึงฉีดเข็มที่ 3 แต่หลังจากฉีดไปสักครู่ นายธวัชก็มีอาการชาแปล๊บที่ขาขวา ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้หมอเป็นคนสั่งให้พยาบาลฉีดยา และพยาบาลแต่ละคนเขาก็เรียนมา ซึ่งการฉีดยาก็ไม่เกี่ยวกับโดนเส้นประสาทแต่อย่างใด และไม่มีปัญหาเรื่องการฉีดยาผิด

นพ.ธีรชัย กล่าวต่อว่า ต่อมาทาง รพ.สตูล ได้ส่งตัวนายธวัชไปตรวจที่ รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ ตรวจแบบคลื่นแม่เหล็ก (เอ็มอาร์ไอ) ผลปรากฏว่าเจอเนื้องอกที่ปลอกเส้นประสาทพอดี และเนื้องอกดังกล่าวจะค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ เป็นเนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง พอถึงจุดๆ หนึ่ง เนื้องอกดังกล่าวจะไปกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการชาที่ขา ทาง รพ.สตูล จึงได้ติดต่อทาง รพ.มอ.สงขลา เพื่อส่งตัวนายธวัชไปรักษา โดยหมอจะจัดรถไปส่ง แต่นายธวัชไม่ยอมไป ซึ่งตนก็ให้เงินส่วนตัวไป 2,000 บาท

ทั้งนี้ นพ.ธีรชัย ยังกล่าวด้วยว่า ตนอยากทำความเข้าใจว่า เนื้องอกที่เกิดขึ้นกับนายธวัชนั้น แม้จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ก็จะมีอาการดังกล่าว เพราะเนื้องอกจะค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดไปทับเส้นประสาทก็จะมีอาการดังกล่าว และไปตรงกับจุดที่ฉีดยาเข็มที่ 3 พอดี นายธวัชก็เลยเข้าใจว่าเกิดจากการฉีดยา หากจะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางโรงพยาบาล ถ้าหมอหรือพยาบาลทำผิดจริงก็คงไม่มีปัญหา แต่เขาไม่ได้ผิด และตนไม่ได้ปกป้องลูกน้อง เพราะดูผลตรวจที่ รพ.หาดใหญ่ ก็น่าจะรู้ดี แต่พยายามช่วยด้วยการส่งไปผ่าตัดที่ รพ.มอ.หาดใหญ่ แต่เขาไม่ยอมไป ฉะนั้น ตนก็จนปัญญาจริงๆ.

ไทยรัฐออนไลน์  10 เมย 2555