ผู้เขียน หัวข้อ: แพทย์เตือนผู้หญิงมี "กิ๊ก" เสี่ยงมะเร็งปากมดลูก  (อ่าน 1069 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
"กิ๊ก" ไม่ใช่ชู้ แตถ้าแฟนรู้ต้องเลิก

ไม่ว่าเพศชาย หรือเพศหญิงต่างก็มีกิ๊กด้วยกันทั้งนั้น บางคนอาจจะหมายถึงเพื่อนต่างเพศใกล้ชิด พูดคุยให้คำปรึกษาเพื่อความสบายใจ แต่บางคนก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์กันด้วย

จากการสำรวจของถุง ยางอนามัยดูเร็กซ์พบว่า ชายไทยนอกใจคนรักมากเป็นอันดับ 1 คือ 54% และหญิงไทยนอกใจคนรักถึง 59% ติดอันดับ 2 ของโลก รองจากผู้หญิงประเทศไนจีเรีย

ปัจจุบันผู้หญิงไทยนิยมการมีกิ๊กมาก ขึ้น "เบ็ญจพร มงคลธง นักจิตวิทยา คลินิกเครือ ร.พ.กล้วยน้ำไท กล่าวว่า สิ่งที่ส่งผลให้ผู้หญิงปัจจุบันในทุกอาชีพ ทุกวัย เริ่มเลียนแบบพฤติกรรมผู้ชาย คือจีบและคบผู้ชายครั้งละหลาย ๆ คน เพื่อชดเชยปัญหา โดยความสัมพันธ์มักเริ่มจากการใกล้ชิด เช่น การไปเที่ยว นั่งทำงานเห็นกันทุกวัน หรือทำกิจกรรม, งานอดิเรกที่ต้องใช้เวลาด้วยกัน เกิดความเห็นอกเห็นใจกัน จากการปรับทุกข์ ให้คำปรึกษา ก่อเป็นความสัมพันธ์ขึ้น ซึ่งอาจเป็นที่รู้กันในออฟฟิศ และในกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องกัน รู้จักใกล้ชิดกับสามีหรือแฟน โดยอาจมีความสัมพันธ์ทางกายร่วมด้วย

ในผู้หญิงบางคนอาจมีกิ๊กมากกว่า 1 คน เพื่อแก้เหงา การมีกิ๊กอาจยิ่งก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวมากขึ้น มีเรื่องคาใจไม่คุยกัน การเสียชื่อเสียง ไม่เป็นที่ยอมรับ ฯลฯ และรวมถึงโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย น.พ.ก้องศาสด์ ดีนิรันทร์ สูตินรีแพทย์ คลินิกเครือ ร.พ.กล้วยน้ำไท บอกว่า โรคที่อันตรายจากการมีกิ๊กหลายคนของผู้หญิง และเกินเลยถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ จะยิ่งเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ยิ่งมีกิ๊กมาก ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสการติดเชื้อมากขึ้น คนส่วนใหญ่คิดว่าถุงยางอนามัยป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ทุกโรค แต่ไม่ได้ป้องกัน โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่ส่งผลให้ผู้หญิงไทยเสียชีวิตเป็นอันดับ 1

เชื้อ เอชพีวีมีอยู่ร้อยกว่าสายพันธุ์ แต่ชนิดที่จะทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมีประมาณ 15 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุประมาณร้อยละ 70 ของมะเร็งปากมดลูก ที่เหลืออีกร้อยละ 30 เกิดจากเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์อื่น ซึ่งเชื้อนี้อาศัยอยู่ทั่วไปบนร่างกาย ผิวหนัง เสื้อผ้า ขน ฯลฯ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง สามารถทนความร้อนและอยู่ในที่แห้งได้ แต่ไม่ก่อเกิดโรคในผู้ชาย

การ ใช้ถุงยางอนามัยก็ไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ดี เพราะสามารถติดต่อได้โดยการสัมผัส เวลามีเพศสัมพันธ์ เชื้อที่อาศัยอยู่บนอวัยวะ ผิวหนัง และขนของทั้งชายและหญิง อาจติดเข้าไปกับอวัยวะเพศชาย หรืออวัยวะเพศหญิง การมีเพศสัมพันธ์เป็นการนำเชื้อเอชพีวีจากด้านนอกเข้าไปสู่บริเวณปากมดลูก และเกิดการติดเชื้อขึ้นในบริเวณปากมดลูก ทำให้เริ่มมีการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติ หรือกรณีมีแผลถลอกบริเวณเยื่อบุภายในก็สามารถทำให้ติดเชื้อได้เช่นเดียวกัน

"มะเร็ง ปากมดลูกลดความเสี่ยงได้ โดยการรักเดียว ใจเดียว หรือไม่ไปมีความสัมพันธ์ทางเพศกับคนที่มีคู่นอนหลายคน แต่ถ้าไม่แน่ใจ ควรรีบเข้าพบสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจภายในเพื่อหาเซลล์มะเร็ง ถ้าตรวจพบก่อนในระยะที่เซลล์เริ่มมีการผิดปกติ ก็สามารถรักษาได้"

ใน กรณีที่คุณเคยมีกิ๊ก, กำลังมีกิ๊กถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่มี หรือเคยมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหามะเร็งปากมดลูก และฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ HPV 16, 18 ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์

ประชาชาติธุรกิจ  23 มีนาคม พ.ศ. 2555