ผู้เขียน หัวข้อ: ศาลปกครองสั่งเพิกถอนมติแพทยสภา  (อ่าน 1244 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
ศาลปกครองสั่งเพิกถอนมติแพทยสภา
« เมื่อ: 01 มีนาคม 2012, 22:36:23 »
ศาลปกครองสั่งเพิกถอนมติแพทยสภาแค่ว่ากล่าวตักเตือนหมอรพ.บางปะกอก1รักษาผู้ป่วยโรคหัวใจตายทั้งที่หลักฐานชัดยันไม่สนใจรักษาผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน

ศาลปกครองกลาง โดยนายสมเกียรติ ชุมวิสูตร  ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางและคณะ มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะกรรมการแพทยสภา ในการประชุมครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2551 และคำสั่งแพทยสภาที่ 15/ 2551 ลงวันที่10 ก.ค.2551 ที่ลงโทษว่ากล่าวตักเตือนนายแพทย์สุชัย กาญจนธารายนต์ แพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ ประจำ ร.พ.บางปะกอก 1 กรณีมาตรฐานการการประกอบวิชาชีพเวชกรรม และให้แพทยสภา และคณะกรรมการแพทยสภาไปดำเนินการพิจารณาไปดำเนินการพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดความผิดของนายแพทย์สุชัย กาญจนธารายนต์

โดยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้นายวิโรจน์ สุวีรยา ผู้ป่วยโรคหัวใจที่เข้ารักษาตัวที่ ร.พ.บางปะกอก 1 เสียชีวิต ให้ถูกต้องเหมาะสมกับการกระทำต่อไป รวมทั้งให้พิจารณาข้อร้องเรียนของนางสุนิสา สุวรรณจิตร น้องสาวและผู้จัดการมรดกของวิโรจน์ สุวีรยาในส่วนที่ร้องเรียนแพทย์หญิงเจรียง จันทรกมล ผู้รับใบอนุญาตประกอบการร.พ.บางปะกอก1 ให้ครบถ้วนทุกประเด็น ภายใน 150วันนับตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด

คดีกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2551 เมื่อนางสุนิสา สุวรรณจิตร น้องสาวและผู้จัดการมรดกของวิโรจน์ สุวีรยา ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจได้มายื่นคำร้องต่อศาลปกครองกลาง ฟ้องแพทยสภาและคณะกรรมการแพทยสภา ว่า ร่วมกันออกคำสั่งกล่าวตักเตือนนายแพทย์สุชัย กาญจนธารายนต์ แพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ ประจำ ร.พ.บางปะกอก 1 กรณีมาตรฐานการการประกอบวิชาชีพเวชกรรม  ซึ่งกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้นายวิโรจน์ สุวีรยา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2551 และ 10 ก.ค.2551 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งที่คณะอนุกรรมการสอบสวน แพทยสภา ชุดที่ 2 ได้สอบสวนและรายงานความเห็นว่า นายแพทย์สุชัย กาญจนธารายนต์ได้ทอดทิ้งไม่มาตรวจดูและรักษาเพื่อวินิจฉัยอาการป่วยด้วยโรคหัวใจของนายวิโรจน์ สุวีรยาที่กำลังทรุดหนัก จนเป็นเหตุให้นายวิโรจน์ สุวีรยาเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2543

     ทั้งนี้ศาลวินิจฉัยว่า จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏทั้งพยานและหลักฐานเห็นว่า นายวิโรจน์ สุวีรยา มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เข้ารักษาตัวที่ ร.พ.บางปะกอก 1 เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2543 เมื่อเวลา 20.00 น. แพทย์เวรประจำโรงพยาบาลได้ตรวจพบว่า นายวิโรจน์มีอาการป่วยโรคหัวใจอยู่ในภาวะวิกฤต และได้แจ้งให้ทางผู้บริหารโรงพยาบาลและนายแพทย์สุชัย กาญจนธารายนต์ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาโรคหัวใจและหลอดเลือดทราบเพื่อให้ทำการรักษาผู้ป่วยทันทีถึง 3 ครั้ง แต่นายแพทย์สุชัย ไม่มาตรวจรักษาการผู้ป่วยด้วยตนเอง ใช้การพยากรณ์โรคและสั่งการทางโทรศัพท์ ซึ่งตามมาตรฐานการรักษาโรคภาวะหัวใจขาดเลือดและหัวใจตาย แพทย์ควรให้ยาอมใต้ลิ้นไนโตรกีโซลีนและยาแอสไพริน เพื่อลดอาการหัวใจขาดเลือด รวมทั้งควรรีบทำการรักษาผู้ป่วยด้วยการสวนหัวใจและทำบอลลูนขยายเส้นเลือดตีบตัน แต่ตามเวชทะเบียนไม่ปรากฏมีการให้ยาและทำการรักษาดังที่กล่าวมา มีเพียงแค่การฉีดยามอร์ฟีนระงับความปวดเท่านั้น จนกระทั่งเวลา 07.20 น. วันที่ 19 มิ.ย. 2543 นายแพทย์สุชัยจึงเข้ามาตรวจรักษา ซึ่งขณะนั้นนายวิโรจน์ สุวีรยา ได้เข้าสู่ภาวะช็อคเต็มที่พ้นจุดที่จะทำการรักษาแล้ว แสดงให้เห็นว่าการรักษาทางโทรศัพท์ของนายแพทย์สุชัย ไม่เป็นไปตามมาตรฐานของการรักษาโรค

จึงฟังได้ว่า นายแพทย์สุชัยให้การรักษาผู้ป่วยโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทอดทิ้งผู้ป่วยซึ่งอยู่ในสภาวะที่พึงได้รับการดูแลจากแพทย์จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เป็นการไม่รักษามาตรฐานของการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในระดับที่ดีที่สุด ตามหมวด 3 ข้อ 1 ของข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2526 ซึ่งเป็นกฎหมายใช้บังคับในขณะกระทำผิด เพราะหากนายแพทย์สุชัยได้เข้ามาตรวจรักษาอาการของนายวิโรจน์ตัวตนเองตั้งแต่แรกเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2543 อาจทำให้การวินิจฉัยโรค การให้การรักษา ตลอดจนการให้ยาของนายปพทย์สุชัยแตกต่างไปจากการรักษาทางโทรศัพท์ผ่านการรายงานอาการของโรคของแพทย์เวรอายุรกรรมและพยาบาลซึ่งไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ดังนั้นการที่คณะกรรมการแพทยสภา ในการประชุมครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2551  มีมติว่า นายแพทย์สุชัยกระทำผิดไม่ถึงขั้นประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ให้ลงโทษว่ากล่าวตักเตือน และคำสั่งแพทยสภาที่ 15/ 2551 ลงวันที่10 ก.ค. 2551 ที่ลงโทษว่ากล่าวตักเตือนนายแพทย์สุชัย กาญจนธารายนต์ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์  1 มีนาคม 2555