หมวดหมู่ทั่วไป > ห้องพักผ่อนรวม (Common Room)

3 จังหวัดท่องเที่ยวเมินข่าวภัยพิบัติ ! แห่ซื้อที่เชิงเขาแทนริมทะเลอันดามันพุ่ง

(1/1)

pani:
3 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ภูเก็ต พังงาและกระบี่ ยังคึกคักทั้งการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ที่สำคัญเป็นแหล่งที่นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติหมายปอง ฉุดราคาที่ดินพุ่งปีละ 10-15 % ระบุ 'ภัยพิบัติ-สึนามิ' อาจทำให้คนกลัวแต่หาวิธีเลี่ยงด้วยการหาซื้อบ้านริมเชิงเขาแทนบ้านริมทะเล ส่งผลให้ราคาที่ดินริมเชิงเขาพุ่งกว่า 20% ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ดินกระบี่ ยันราคาที่มีแต่สูงขึ้น แค่ 20 ตารางวาสูงถึง 5 ล้านบาท
      
       ข่าวภัยพิบัติต่างๆที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลกในวันนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่างๆจนทำให้เกิดภาวะ “ตื่นตระหนก” โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคใต้ที่เคยมีกระแสข่าวว่าอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดสึนามิ ครั้งใหญ่อีกครั้งแต่มาถึงปัจจุบันภาวะการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวของจังหวัดทางภาคใต้โดยเฉพาะ 3 จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างภูเก็ต พังงาและกระบี่ ยังคงมีความคึกคักไม่เกิดความหวั่นไหวต่อภัยพิบัติซึ่งอาจจะเกิดขั้นอีกครั้งแต่อย่างใด โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การซื้อขายที่ดินหรือแม้แต่ธุรกิจการท่องเที่ยว      
        
       กลัวภัยพิบัติแต่ราคาที่ดินยังพุ่ง
      
       นายหน้าค้าที่ดินรายหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต บอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศารายสัปดาห์” ว่าในช่วงที่ประเทศไทยประสบกับปัญหาภัยพิบัติทั้ง สึนามิ พายุ น้ำท่วมครั้งใหญ่ทำให้วงการค้าที่ดินโดยรวมเกิดภาวะ “ตื่นตระหนก” ซึ่งก็เป็นปัญหาทางจิตวิทยาในระยะแรกๆเท่านั้นแต่ความเคลื่อนไหวโดยรวมขณะนี้ดีขึ้นแม้จะไม่มากเหมือนเมื่อหลายปีก่อนแต่ก็ถือว่ายังพอไปได้ โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในภาคใต้อย่างจังหวัดภูเก็ต กระบี่และพังงา ซึ่งทั้งสามจังหวัดนี้เกิดภาวะชะงักงันมาในช่วงแรกๆที่เกิดสึนามิแต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็อยู่ในภาวะปกติ
      
       อย่างไรก็ตามยังมีการเปลี่ยนแปลงในการซื้อขายที่ดินที่น่าจับตามองในสามจังหวัดคือ ภูเก็ต กระบี่และพังงา กล่าวคือจะมีกลุ่มนักลงทุนรายย่อยเข้าไปกว้านซื้อที่ดินริมเขาเพิ่มมากขึ้นหรือหากมีนักลงทุนรายใหญ่จะทำธุรกิจบ้านจัดสรรก็จะปลูกบ้านบริเวณริมเขาแทนการปลุกบ้านริมทะเลซึ่งความเปลี่ยนแปลงนี้มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเมื่อมีการลงทุนสร้างหมู่บ้านจัดสรรริมเขา หรือที่มีที่ตั้งบนเชิงเขา ไหล่เขาโครงการเหล่านี้จะขายหมดเกลี้ยงภายในระยะไม่นานนั่นแสดงว่าคนก็กลัวภัยพิบัติแต่ยังต้องการที่จะอาศัยอยู่ในจังหวัดเหล่านี้
      
       “ข่าวการทำนายทายทักว่าอนาคตข้างหน้าจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมซึ่งต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่เขากลัวกันทั้งนั้น แต่กลับไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนเพราะที่ดินส่วนใหญ่ของจังหวัดชายทะเลภาคใต้โดยเฉพาะที่ดินที่ติดกับทะเลนั้นเป็นที่ดินของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศหมดแล้วคนกลุ่มนี้มีเงินไม่จำเป็นต้องขายที่ดินแม้จะมีความกลัวว่าจะเกิดภัยพิบัติ ส่วนที่ดินที่เหลืออยู่กับเจ้าของที่ดินเดิมก็จะเป็นพวกสวนยางหรือที่ดินที่มีทำเลที่ตั้งห่างไกลจึงไม่มีการประกาศขาย”
      
       นายหน้าคนเดิมอธิบายต่อว่า ปัจจุบันราคาที่ดินในสามจังหวัดนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆไม่มีราคาตก โดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นในประมาณ 10-15 % ต่อปี ซึ่งถือว่ามีราคาที่สูงมากเฉลี่ยถ้าที่ดินที่ติดชายทะเลจะมีราคาอย่างต่ำ 20 ล้านบาทต่อไร่ ขณะที่ที่ดินในบริเวณเชิงเขาหรืออยู่บนภูเขาหรือเป็นพื้นที่สูงจะมีราคาเฉลี่ยไร่ละ 10 ล้านบาทขึ้นไปและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกันแต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ทั้งหมดอยู่ในมือของนักธุรกิจรายใหญ่ๆกว่า 90 %ส่วนที่เหลืออยู่นั้นก็เป็นนักลงทุนรายย่อยส่วนที่เป็นเจ้าของเดิมนั้นไม่มีอีกแล้วฉะนั้นคนกลุ่มนี้จึงไม่จำเป็นต้องเร่งขายที่ดินเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียที่ดินในจังหวัดเหล่านี้ไม่มีวันราคาตกอย่างแน่นอน

   
       ธปท.สรุปธุรกิจท่องเที่ยวภาคใต้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
      
       สิ่งที่ยืนยันเป็นอย่างดีสำหรับภาคธุรกิจภาคต่างๆของจังหวัดทางภาคใต้ว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทั่วโลกไม่ได้ทำให้ธุรกิจต่างๆของภาคใต้กระทบกระเทือน จะเห็นได้จากการสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้โดยธนาคารแห่งประเทศไทยโดย พฤทธิพงศ์ ศรีมาจันทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สานักงานภาคใต้ แถลงว่า ปี 2554 นับเป็นปีทองของภาคใต้ที่เศรษฐกิจขยายตัวดีทั้งการผลิตภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรมตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตปาล์มน้ำมันและยางพารา ขณะที่สาขาเศรษฐกิจอื่น ๆ ทั้งการท่องเที่ยว การส่งออก และอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวในเกณฑ์ดีเช่นเดียวกัน ส่งผลให้เงินฝากและสินเชื่อ ตลอดจนการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าในช่วงปลายปีจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคกลางทำให้การขนส่งสินค้าไม่สะดวกก็ตาม ส่วนเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเป็นสาคัญ
      
       ภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาภาคใต้สูงเป็นประวัติการณ์ โดยขยายตัวทั้งในภาคใต้ฝั่งอันดามัน ภาคใต้ชายแดน และภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ผลจากนักท่องเที่ยวมีความมั่นใจในความปลอดภัย การส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐและเอกชน การเพิ่มเที่ยวบินในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับเศรษฐกิจเอเชียขยายตัวดี ส่งผลให้นักท่องเที่ยวแถบเอเชีย โดยเฉพาะมาเลเซีย และจีน เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยในปี 2554 นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ จานวน 5.7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 20.1
      
       การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว เนื่องจากรายได้ในภาคเกษตร อุตสาหกรรม การส่งออก และการท่องเที่ยวอยู่ในเกณฑ์ดี จะเห็นได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม และปริมาณการจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังขยายตัว แม้ว่าในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ซึ่งเกิดสถานการณ์อุทกภัยในภาคกลางทาให้สินค้าอุปโภคบริโภคมีไม่เพียงพอจากการขนส่งสินค้าไม่สะดวกก็ตาม ขณะเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 และการนาเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มขึ้นสูง ร้อยละ 97.5 ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการนำเข้าอุปกรณ์ที่ใช้ในแท่นขุดเจาะน้ำมัน นอกจากนี้ ทุนจดทะเบียนนิติบุคคลรายใหม่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
       ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจภาคใต้ปี 2555 คาดว่าจะยังคงขยายตัว จากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังดีและความต้องการสินค้าจากประเทศในเอเชียที่ยังมีต่อเนื่อง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงมาตรการภาครัฐที่จะส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนการท่องเที่ยวขยายตัวจากการไปหาตลาดใหม่ และมีเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศมายังแหล่งท่องเที่ยวสาคัญโดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สภาพอากาศที่แปรปรวน และผลกระทบของอุทกภัยในภาคกลาง ซึ่งทาให้ขาดแคลนสินค้าบางประเภท เช่น รถยนต์ในช่วงต้นปี อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอลงจากปี 2554 ส่วนเงินเฟ้อคาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงจากการปรับค่าจ้างแรงงานตามอัตราค่าจ้างขั้นต่า ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ และส่งผ่านมายังราคาสินค้าผู้บริโภค รวมทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและสนับสนุนรายได้ของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้มีความต้องการมากขึ้น

        
       กระบี่ซื้อขายน้อยเพราะราคาที่ดินแพงหูฉี่
      
       ด้าน เปลี่ยน แก้วฤทธิ์ ที่ดินจังหวัดกระบี่ กล่าวสอดคล้องกับนายหน้าที่ดินว่า คนที่เป็นคนพื้นที่ต่างก็กลัวที่จะเกิดภัยพิบัติโดยเฉพาะสึนามิแต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไป โดยเฉพาะการลงทุนในจังหวัดกระบี่นั้นแม้จะไม่คึกคักเหมือนช่วงที่ผ่านมาเพราะมีการซื้อขายน้อยลงกว่าเดิมเฉลี่ยลดลงถึง 50% ทั้งนี้เพราะภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่คึกคักก็มีส่วนที่สำคัญราคาที่ดินในจังหวัดกระบี่นั้นราคาแพงมากโดยเฉพาะที่ดินที่ติดกับชายทะเลมีราคาไร่ละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นของนักลงทุนรายใหญ่ๆ หรือเจ้าของโรงแรมต่างๆที่กว้านซื้อไว้เกือบหมดแล้วเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งหากจะมีการซื้อขายก็ประกาศในราคาที่ค่อนข้างสูงแต่เวลาขายจริงสูงกว่ากว่าที่ประกาศมากจึงไม่มีนักลงทุนรายใหม่ๆเข้ามามากนัก
      
       “ปัญหาภัยพิบัติก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การซื้อขายที่ดินชะงักแต่เหตุผลจริงๆแล้วน่าจะอยู่ที่ราคาที่ดินที่แพงมากซึ่งตอนนี้ที่ดินบริเวณชายหาดหรือที่ดินที่ติดกับทะเลแค่ 20 ตารางวา ราคาที่ตั้งไว้ขายกันสูงถึง 2-5 ล้านบาท แล้วนักลงทุนรายไหนเขาจะเข้ามาลงทุนเพิ่ม”
      
       ขณะที่แหล่งข่าวจากที่ดินจังหวัดพังงา บอกว่าราคาที่ดินจังหวัดพังงาไม่เคยตกเลยแม้จะเกิดสึนามิมาแล้วแต่ไม่ได้ทำให้นักลงทุนกลัวแต่อย่างได ในทางตรงกันข้ามราคาที่ดินกลับเพิ่มมูลค่าสูงขึ้นเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10 % ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ดินที่สวยๆติดชายทะเลได้มีการกว้านซื้อจากนักลงทุนกระเป๋าหนักไปเกือบหมดเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ฉะนั้นการซื้อขายรายใหญ่ๆจึงไม่ค่อยมีจะมีก็เฉพาะนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาซื้อที่ดินขนาดไม่เกิน 5-10 ไร่ ซึ่งก็มีอยู่น้อยมาก
      
       “ราคาที่ดินในจังหวัดท่องเที่ยวแม้จะมีข่าวภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกก็ไม่ได้ทำให้นักลงทุนรายใหญ่ๆกลัวเพราะเขาซื้อที่ดินเก็บไว้นานแล้วบางรายก็สร้างโรงแรม บ้านพักตากอากาศไว้แล้วซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็ไม่ได้เกิดความหวาดกลัวเพราะหลังจากเกิดสึนามิทางจังหวัดต่างๆได้เตรียมการการเตือนภัย การอพยพคนไว้พร้อมแล้ว หากเกิดสึนามิขึ้นจริงๆ เราคาดว่าเราสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้อย่างแน่นอน”แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด

ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์    20 กุมภาพันธ์ 2555

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

Go to full version