ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.ลุยเพิ่มครูสอนว่ายน้ำ 200 คนหวังลดเด็กจมน้ำตาย  (อ่าน 1327 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าอบรมครูสอนว่ายน้ำเพิ่ม 200 คน ลดเด็กไทยจมน้ำตาย กรมควบคุมโรคเผยวิธีช่วยคนจมน้ำ เร่งผายปอด ห้ามนำพาดบ่า หรือเขย่า เพราะยิ่งเพิ่มอันตราย...

เมื่อวันที่ 30 ม.ค. นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกรณีที่มีเด็ก 4 คนที่หมู่บ้านห้วยเหนือ อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ จมน้ำเสียชีวิตพร้อมกัน ขณะลงเล่นน้ำที่สระน้ำลึก 2-3 เมตร อยู่ใกล้หมู่บ้าน เหตุเกิดช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ปัญหาเด็กจมน้ำพบได้ทุกปี กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญในการป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมอบหมายให้กรมควบคุมโรคจัดอบรมความปลอดภัยทางน้ำ สอนวิธีการให้เด็กไทยอายุตั้งแต่ 5 -14 ปี ว่ายน้ำให้เป็น เพื่อเอาชีวิตรอดได้หากตกน้ำหรือจมน้ำ ซึ่งเป็นการให้วัคซีนชนิดพิเศษต่างจากวัคซีนอื่นๆ เนื่องจากต้องได้จากการฝึกสอนทักษะเท่านั้น โดยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ขณะนี้ได้ฝึกอบรมครูสอนไปแล้ว 891 คนทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ในปี 2555 นี้ตั้งเป้าอบรมครูเพิ่มอีก 200 คน ซึ่งครู 1 คนจะไปสอนเด็กในพื้นที่ให้ได้ร้อยละ 20 ต่อปี คาดจะขยายผลสอนเด็กไม่ต่ำกว่า 20,000 คน และจะอบรมหน่วยงานในท้องถิ่นเพื่อเป็นเครือข่ายป้องกันเด็กจมน้ำในพื้นที่ เพิ่มอีก 20 หน่วย ซึ่งที่ผ่านมามีแล้ว 141 แห่ง นอกจากนี้ ยังกำหนดให้วันเสาร์แรกของเดือนมีนาคมของทุกปี เป็นวันรณรงค์ป้องกันเด็กจมน้ำ และได้ร่วมกับศูนย์วิจัยเสริมสร้างความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ความรู้แพทย์ประจำบ้าน ในการป้องกันเด็กจมน้ำด้วย ทั้งนี้ สถานการณ์เด็กจมน้ำทั่วประเทศ หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขจัดอบรมป้องกันตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา พบว่าได้ผล จำนวนเด็กจมน้ำเสียชีวิตมีแนวโน้มลดลง โดยล่าสุดในปี 2553 มีเด็กจมน้ำเสียชีวิตทั้งหมด 1,138 ราย ซึ่งลดลงจากในปี 2551 ที่มีรายงาน 1,229 ราย

 


ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจมน้ำจัดเป็นกรณีวิกฤตฉุกเฉิน การปฐมพยาบาลคนจมน้ำ จะต้องเน้นการกระตุ้นให้หายใจเร็วที่สุด โดยการเป่าปาก และนวดหัวใจ การช่วยคนจมน้ำโดยวิธีแบกพาดบ่าแล้ววิ่ง หรือเขย่า เป็นวิธีช่วยที่ผิด ไม่ได้ช่วยชีวิตผู้จมน้ำ เพราะน้ำที่ออกมาจากปากของผู้จมน้ำ เป็นน้ำที่ออกจากกระเพาะอาหารที่สำลักเข้าไป ไม่ใช่น้ำที่ออกมาจากปอดเหมือนที่เข้าใจกัน

สำหรับการช่วยเหลือคน จมน้ำก่อนส่งโรงพยาบาลนั้น มีดังนี้ 1. ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจ ให้เป่าปากช่วยหายใจทันที อย่าเสียเวลาพยายามเอาน้ำออกจากปอด หรือผายปอดด้วยวิธีอื่น เพราะจะไม่ทันการ และไม่ได้ผล ถ้าเป็นไปได้ควรลงมือเป่าปากตั้งแต่ก่อนขึ้นฝั่ง เช่น พาขึ้นบนเรือ หรือพาเข้าที่ตื้นๆ 2. หากคลำชีพจรไม่ได้ หรือหัวใจหยุดเต้น ให้นวดหัวใจทันที 3. ถ้าผู้ป่วยยังหายใจได้เอง หรือช่วยเหลือจนหายใจได้แล้ว ควรจับผู้ป่วยนอนตะแคงข้าง ศีรษะหงายไปข้างหลังเพื่อให้น้ำไหลออกทางปาก ใช้ผ้าห่มคลุมผู้ป่วยเพื่อให้เกิดความอบอุ่น อย่าให้กินอาหาร และดื่มน้ำทางปาก และส่งผู้ที่จมน้ำไม่ว่าจะมีอาการหนักเบาเพียงใดไปโรงพยาบาลทุกราย ในรายที่หมดสติ และหยุดหายใจ ต้องผายปอดด้วยวิธีเป่าปากไปตลอดทาง อย่ารู้สึกหมดหวังแล้วหยุดให้การช่วยเหลือ โดยสามารถขอความช่วยเหลือด้านการแพทย์ได้ที่สายด่วน 1669 หรือติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422.

ไทยรัฐออนไลน์ 31 มค 2555