ผู้เขียน หัวข้อ: วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี‏  (อ่าน 1159 ครั้ง)

science

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 184
    • ดูรายละเอียด
วาเด็ง ปูเต๊ะ  พระสหายแห่งสายบุรี 

"ผมไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคนรักในหลวงอย่างที่ผมรัก  แต่ผมรักในหลวงหมดหัวใจ"

วาเด็ง ปูเต๊ะ  ชายชราชาวมุสลิม  วัย  ๙๕ ปี   ผู้เป็น "พระสหายแห่งสายบุรี"  ที่มีความจงรักภักดีต่อในหลวงไม่เสื่อมคลาย

// ทำความรู้จักกับ  วาเด็ง ปูเต๊ะ ก่อน //

วาเด็ง ปูเต๊ะ  เป็นชาวมุสลิม  อาชีพทำสวนผลไม้ ได้แก่ ทุเรียน ลองกอง จำปาดะ เงาะ และมะพร้าว เป็นต้น และเลี้ยงโค
อยู่บ้านเลขที่ ๖๔   หมู่  ๕  บ้านบาเลาะ  ต. ปะเสยะวอ  อ. สายบุรี  จ. ปัตตานี 
มีภรรยาชื่อ นางสาลาเมาะ ปูเต๊ะ

// พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปตรวจโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ //

    เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปตรวจโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สายบุรี จ.นราธิวาส เป็นป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชดำรัสให้ศึกษาหาวิธีระบายน้ำในที่ลุ่มยามน้ำหลาก และเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้ง  ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูก

    เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนจึงเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร ด้วยพระองค์เอง ณ บ้านเจาะใบ ต.แป้น อ.สายบุรี จ.นราธิวาส  และได้ ประทับทอดพระเนตรพรุแฆแฆด้านตะวันตก และทรงมีพระราชดำริกับชาวบ้านเป็นเวลานาน จนกระทั่งได้ข้อมูลใหม่จากชาวบ้านจึงสนพระทัยที่จะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรความเป็นไปได้ในการสร้างฝายกั้นน้ำที่คลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ  ต.แป้น  อ. สายบุรี  แต่เป็นเส้นทางทุรกันดารและรถยนต์เข้าไปไม่ถึง  และเป็นเวลาเย็นแล้วด้วย แต่มีพระราชดำรัสสั้น ๆ ว่า"ไปได้"

  รถยนต์พระที่นั่ง ได้วิ่งไปตามถนนลูกรัง ท่ามกลางฝุ่นฟุ้งกระจาย  เมื่อสิ้นสุดเส้นทาง  จึงเสด็จฯ ไปตามทางเท้าเล็ก ๆ 
เมื่อถึงชายคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ นั้น  เป็นเวลาตะวันลับขอบฟ้าพอดี
  พระองค์ท่านทรงมีรับสั่งกับเจ้าหน้าที่ชลประทานว่า
แนวทางที่จะพัฒนาเพื่อนำน้ำจากแม่น้ำสายบุรี ผ่านคลองขุดเข้าไปเพื่อที่จะให้พรุใช้ประโยชน์ในด้านการเกษตรได้ คือการนำน้ำเข้าไปในพื้นที่พรุผ่านทางคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ เพื่อล้างไม่ให้เกิดดินเปรี้ยว จะต้องทำประตูกั้นน้ำเพื่อปิดกั้นและระบายน้ำ

  พระองค์ได้ทรงพิจารณาแผนที่ด้วยแสงไฟฉายเป็นเวลานานและทรงรับสั่งให้ไปตามเจ้าของที่ดินซึ่งอยู่ใกล้  มาเข้าเฝ้า !!
ฉันนะคนดี...อยู่นี่ไง... คอยเป็นกำลังใจกันและกัน ^^@~@♥♥♥

// วาเด็ง ปูเต๊ะ  เข้าเฝ้าในหลวงในชุดกางเกงชาวเล ขาก๊วย มีผ้าขาวม้าคาดพุง ไม่สวมเสื้อ //

    วันนั้น วาเด็ง ปูเต๊ะ กำลังทำสวนอยู่กับภรรยา  บริเวณประตูน้ำบ้านบาเลาะ ต.ปะเสยะวอ เป็นป่าทึบ ก็มีผู้มาบอกว่า ในหลวง ต้องการพบตัว   ก็ตกใจมากว่าเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันจนเข้าใจแล้วว่า ในหลวงต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร

วาเด็ง ปูเต๊ะ  ถึงกล้าไปพบ แต่ตอนนั้น ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าผู้ที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้ว  วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นในหลวงจริงหรือเปล่า จึงมอบหยิบเงินใบละ ๑๐๐ บาท กับใบละ ๒๐ บาทขึ้นมาดู จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริง ๆ

ตอนแรกที่พบในหลวง วาเด็ง ปูเต๊ะก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้ ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งกางเกงชาวเล  เสื้อก็ไม่ได้ใส่ด้วยแต่พอเข้าไปใกล้ ๆ ในหลวงก็ตรัสว่า จะสร้างคลองชลประทานให้ หลังจากนั้น ในหลวง ก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลองสายทุ่งเค็จว่ามีเขตติดต่อที่ไหนบ้าง จึงได้เล่าให้ในหลวงทรงทราบ  ว่าคลองเส้นนี้ทางเหนือจะติดเขตพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส 

ในหลวงตรัสถามว่าหากออกไปทางทะเลจะมีเกาะกี่เกาะ ก็ตอบพระองค์ไปว่ามี 4 เกาะ  ในหลวงจึงทรงเอาแผนที่ที่นำติดตัวมา
ออกมาดูอีกครั้ง และตรัสชมว่า วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง

   พระองค์ยังตรัสด้วยว่า "ไม่ว่าจะไปช่วยใครที่ไหนก็ต้องถามเจ้าของพื้นที่ก่อน...เพราะชาวบ้านจะรู้จริงกว่าคนอื่น"

วันรุ่งขึ้นข้าราชการที่มารับเสด็จก็ ต้องตกตะลึงไปตาม ๆ กัน เมื่อพระองค์ทรงรับสั่งให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ พายเรือให้พระองค์ เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ  พระองค์มีพระราชดำรัสถาม พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร

ตอนพายเรืออยู่ ในหลวงตรัสด้วยว่า "ให้วาเด็งทำตัวให้สบาย  มีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง"   
วาเด็ง ปูเต๊ะ  จึงได้บอกในหลวง ว่าเมื่อถึงเวลาหน้าฝนน้ำจะท่วม ทำนาไม่ได้ เมื่อถึงหน้าแล้งก็ทำนาไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน พระองค์ก็ตรัสอีกว่า ชาวบ้านทำการเกษตรอะไรบ้าง จึงตอบพระองค์ไปว่า ทุกคนทำการเกษตรตามวิถีชีวิตของคนชนบท คือ ปลูกพืชผักสวนครัว และทำสวนไว้กินกันทุกบ้าน
 
// วาเด็ง ปูเต๊ะ  ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระสหาย //

วาเด็ง ปูเต๊ะ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้เป็นพระสหาย

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ณ โครงการพัฒนาพรุแฆแฆ  อ.สายบุรี จ.ปัตตานี 
เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕
    ในหลวงคงจะทรงลองใจ  จึงตรัสถามขอที่ดิน   เพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้ม วาเด็ง ปูเต๊ะ จึงขอยกที่ดิน
ถวายให้พระองค์ทันที  ในหลวงจึงทรงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้ วาเด็ง ปูเต๊ะ  เป็นพระสหาย ตั้งแต่บัดนั้น ในหลวงตรัสเรื่องนี้ว่า "วาเด็ง เป็นคนซื่อตรง จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง"

// ในหลวงตรัสให้วาเด็ง ปูเต๊ะ หยุดทำงานได้แล้ว //

    ล่าสุด ในหลวง ตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว  อายุมากแล้ว ทรงเป็นห่วงสุขภาพวาเด็ง กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย  วาเด็ง ปูเต๊ะ ก็นั่งทบทวนคำตรัสของพระองค์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิกับคำว่า "พระสหายแห่งสายบุรี" 

    นอกจาก ละหมาดขอพระผู้เป็นเจ้าแล้ว  วาเด็ง ปูเต๊ะ ยังเดินทางมาเยี่ยมพระอาการประชวรของในหลวงถึง รพ.ศิริราชด้วย 

// วาเด็ง ปูเต๊ะ  มาเยี่ยมในหลวง  พร้อมทูลเกล้าถวายจำปาดะ เมื่อวันที่  ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ //

เมื่อวันที่  ๓๐ ตุลาคม  ๒๕๕๐ นายวาเด็ง ปูเต๊ะ  ราษฎรจาก อ.สายบุรี จ.ปัตตานี พระสหายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เคยได้ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างใกล้ชิดหลายครั้ง  เดินทางมาลงนาม ถวายพระพร พร้อมนำจำปาดะ ๑๑ ผลที่ปลูกในสวนมาทูลเกล้าฯ ถวายด้วย   

    นาย วาเด็งให้สัมภาษณ์เป็นภาษายาวีทั้งน้ำตาว่า หลังทราบข่าวว่าพระองค์ประชวรเป็นห่วงและคิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก ตัวเองก็ป่วยเป็นโรคหอบหืด รักษาตัวที่โรงพยาบาลปัตตานี ๒-๓ สัปดาห์แล้วเมื่ออาการดีขึ้นจึงขอแพทย์เดินทางมาลงนามถวายพระพรด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

//  วาเด็ง ปูเต๊ะ  มาเยี่ยมในหลวง  พร้อมทูลเกล้าถวายทุเรียนก้านยาว  เมื่อวันที่ ๗  ธันวาคม  ๒๕๕๒ //

    เมื่อวันที่ ๗  ธันวาคม ๒๕๕๒  วาเด็ง ปูเต๊ะ  ไดัเดินทางมาลงนามถวายพระพร พร้อมทูลเกล้าถวายทุเรียนก้านยาว จากสวนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จฯ ไป มาถวายด้วย
 
    วาเด็ง กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงพระองค์ท่าน และได้ละหมาดฮายัด  ร่วมกับโต๊ะอิหม่าม และชาว อ.สายบุรี เพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็ว

//  ถ้าขอได้  อยากขอให้คนไทยทำอะไรเพื่อในหลวง //

  วาเด็ง ปูเต๊ะ  ตอบว่า  "เราไม่สามารถขอให้ทุกคนทำอะไรเพื่อในหลวงได้  แต่อยากให้ทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม อย่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว  และผมไม่สามารถขอให้คนไทยทุกคน รักในหลวงอย่างที่ผมรัก  แต่ผมรักในหลวงหมดหัวใจ"

วาเด็ง ปูเต๊ะ  นับว่าเป็น "แบบอย่าง"  ของผู้ที่มีความซื่อสัตย์ เจียมเนื้อเจียมตัว และใช้จ่ายอย่างประหยัด  เสียสละประโยชน์
ส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม  ไม่เบียดเบียนธรรมชาติ และใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว  โดยทำตัวเป็นแบบอย่างตามพระราชดำรัสของในหลวงที่รู้จักกิน รู้จักใช้ ตามวิถีชีวิตของชุมชนชนบทกับเศรษฐกิจพอเพียงมาจนถึงทุกวันนี้   

สมควรได้รับการยกย่องและเป็นแบบอย่างของคนดีคนหนึ่งในสังคมไทยทุกวันนี้