ผู้เขียน หัวข้อ: บอร์ดสปสช.คลอดคณะอนุกก.13 ชุดเอ็นจีโอค้าน ‘หมอวิชัย’ลั่นไม่เหมาะสม..ซัดถูกครอบงำ  (อ่าน 1319 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9721
    • ดูรายละเอียด
 มติบอร์ด สปสช.คลอดคณะอนุกก.13 ชุด เอ็นจีโอซัดพวกมากลากไป ตั้งตามอำเภอใจไม่เหมาะสม ยกกรณีเลือกปลัด สธ.เป็นปธ.คณะอนุกก.บริหารยุทธศาสตร์ เหตุหน้าที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ “หมอวิชัย” ไม่พอใจ เดินออกห้องประชุมทันที
   
       นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ที่มีนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานบอร์ด สปสช. เป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาวาระเรื่องการสรรหารายชื่อองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการทั้งสิ้น 12 คณะ จำนวน 217 คน และได้มีการเสนอคณะอนุกรรมการเพิ่มเติมอีก 1 คณะ คือ คณะอนุกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เนื่องจากบอร์ด สปสช.เล็งเห็นว่าเป็นคณะที่จำเป็นในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชน ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้จึงมีมติเห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการทั้งสิ้น 13 คณะ
       
       เมื่อถามถึงข้อกังวลของกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ และชมรมแพทย์ชนบท เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของคณะอนุกรรมการด้านบริหารยุทธศาสตร์ ที่มีกระแสข่าวว่าจะปรับเปลี่ยนให้สามารถอนุมัติวงเงินได้ 500 ล้านบาท ซึ่งเดิมไม่เคยมีมาก่อน นพ.วินัย กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาแล้วว่า ไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ เพราะเป็นหน้าที่ของ สปสช.ไม่ใช่คณะอนุกรรมการชุดใดชุดหนึ่ง หากจะเปลี่ยนบทบาทหน้าที่จะเป็นการก้าวล่วง ส่วนอำนาจที่จะสามารถเรียกเงินคืนจากหน่วยบริการกรณีไม่สามารถทำตามข้อกำหนดการรักษาพยาบาล ก็ไม่สามารถทำได้ ต้องเป็นหน้าที่ของสปสช.เช่นกัน ดังนั้น หน้าที่ของคณะอนุกรรมการชุดนี้จึงมีหน้าที่บริหารยุทธศาสตร์เป็นหลัก     
       
       นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการสัดส่วนองค์กรเอกชน บอร์ด สปสช.กล่าวว่า คณะอนุกรรมการเหล่านี้ไม่มีหลักการชัดเจนในการเลือก ไม่สามารถอธิบายเหตุผลของการเลือกบุคคลต่างๆ เป็นการตั้งโดยอำเภอใจ ยึดพวกมากลากไป ไม่มีการพิจารณาประเด็นสัดส่วนว่าควรมาจากองค์กร หรือหน่วยงานใด จำนวนเท่าใด ไม่พิจารณาคุณสมบัติในสายงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเป็นเจ้าของปัญหาที่จะแก้ไขได้มากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดไม่สอดคล้องกัน ยกตัวอย่าง คณะอนุกรรมการด้านบริหารยุทธศาสตร์ ที่มีปลัด สธ.เป็นประธาน ถามว่าเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากต้องเข้าใจก่อนว่าที่ผ่านมา สปสช.ทำหน้าที่ในการซื้อและเลือกหน่วยบริการให้แก่ประชาชน ทำหน้าที่ต่อรองราคาค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล แต่หากให้ปลัด สธ. ซึ่งดูแลหน่วยบริการโดยตรงอยู่แล้ว มาทำหน้าที่ซื้อบริการทางการแพทย์จากหน่วยบริการที่ตัวเองดูแลอีก การต่อรอง การกำหนดยุทธศาสตร์ต่างๆจะเป็นเช่นใด ซึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เป็นห่วง คงต้องจับตากันต่อไป
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมเลือกคณะอนุกรรมการที่ผ่านมาใช้เวลาร่วม 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวันที่ 24 ม.ค. โดยประเด็นที่ถกเถียงมากสุด คือ การเลือก ปลัด สธ. เป็นประธานคณะอนุกรรมการด้านบริหารยุทธศาสตร์ ส่งผลให้นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการสัดส่วนองค์กรเอกชน เห็นว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจากจะส่งผลต่อการทำงานได้และเดินออกจากห้องประชุมทันที
       
       สำหรับคณะอนุกรรมการทั้ง 13 ชุดที่บอร์ด สปสช.มีมติแต่งตั้งนั้น ประกอบด้วย

1. คณะอนุกรรมการด้านบริหารยุทธศาสตร์ มี นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน

2.คณะกรรมการอนุกรรมการเพื่อการพัฒนาสิทธิประโยชน์และระบบบริการ มี ปลัด สธ.เป็นประธาน

3. คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการเงินการคลัง มีน.ส.วรนุช หงสประภาส ผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงินการคลัง บอร์ด สปสช. เป็นประธาน

4.คณะกรรมการประเมินผลระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มี นพ.จรัล ตฤรวุฒิพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นประธาน

5.คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกรณีอุทธรณ์ มีผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นประธาน

6. คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาและบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวี /ผู้ป่วยเอดส์ มีนพ. พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธาน

7.คณะอนุกรรมการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีนพ.สุพรรณ ศรีธรรมา อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย และแพทย์ทางเลือก เป็นประธาน
       
8. คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีมีพญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านประกันสุขภาพ เป็นประธาน

9. คณะกรรมการตรวจสอบ ยังคงใช้คณะกรรมการชุดเดิม คือ นายเปล่ง ทองสม เป็นประธาน

10. คณะอนุกรรมการธรรมาภิบาล ดร.สุนีย์ มัลลิมาลย์ ศาสตรจารย์ระดับ 10 คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นประธาน

11. คณะอนุกรรมการการมีส่วนร่วม และการคุ้มครองสิทธิ มีดร.สุนีย์ มัลลิมาลย์ ศาสตรจารย์ระดับ 10 คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ

12. คณะอนุกรรมการทบทวนกฎ ระเบียบ ข้อบังคับของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีนายสุพจน์ ฤชุพันธ์ อดีตอัยการจังหวัด สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.)

ASTVผู้จัดการออนไลน์    26 มกราคม 2555
.................................................................
ซัดตั้งอนุกก.สปสช.ถูกครอบงำ

บอร์ด สปสช.ถก​เครียด ตั้งอนุกรรม​การ 13 ชุด หมอ "​ไพจิตร์" นั่ง​เก้าอี้ประธานอนุฯ ชุดบริหารยุทธศาสตร์ "วิทยา" ยันสม​เหตุสมผล บอร์ดภาคประชาชนซัด สปสช.​โดน สธ.ครอบงำ ​ไม่​เหลืออิสระ​แล้ว

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่า​การกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ​ในฐานะประธานคณะกรรม​การหลักประกันสุขภาพ​แห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ​ให้สัมภาษณ์ว่า ​ใน​การประชุมบอร์ด สปสช. ​เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา มีวาระ​การพิจารณา​แต่งตั้งคณะอนุกรรม​การ (กก.) ​ทั้งหมด 13 คณะ ​โดยส่วนตัว​แล้วยังบอก​ไม่​ได้ว่าพอ​ใจกับรายชื่ออนุกรรม​การ​ทั้ง 217 คน​หรือ​ไม่ ​เพราะต้องรอดูผลงาน ​แต่​เห็นว่าอนุกรรม​การทุกท่าน​ก็​เป็น​ผู้ที่มี​ความสามารถ​แม้จะ​ไม่​ได้อยู่​ในสายงานด้าน​การ​แพทย์​โดยตรง ​แต่​ก็มี​ความสามารถ​เชื่อม​โยงกับ​การ​ทำงานด้าน​การ​แพทย์​ได้ ​เช่น ด้านกฎหมาย ด้าน​การ​เงิน​การคลัง

นายวิทยากล่าวต่อว่า อย่าง​ไร​ก็ตาม ที่ประชุมยังมีข้อท้วงติง​ในหลัก​การของสัดส่วน​ผู้ที่จะมา​เป็นอนุกรรม​การ ​โดย​เฉพาะชุดด้านบริหารยุทธศาสตร์ที่มี นพ.​ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. ​เป็นประธาน มีข้อทักท้วง​เรื่อง​ความ​ไม่​เหมาะสมอยู่บ้าง ​แต่ตนยืนยันว่าสัดส่วนตรงนี้​เป็น​ไป​โดยตำ​แหน่ง ตามข้อกำหนด​การตั้งคณะอนุกรรม​การ สปสช.อยู่​แล้ว

"​ไม่ว่า​ใคร​ก็ตามที่​เป็นปลัด สธ. ​ก็​เป็นประธานอนุกรรม​การชุดนี้อยู่​แล้ว ​และที่สำคัญ ​ไม่ว่าผลงาน​ใดที่อนุกรรม​การ​เสนอมา​ก็ต้องนำ​เข้าที่ประชุมบอร์ดพิจารณาอยู่ดี ​เพราะฉะนั้นผม​จึง​ให้​ความสำคัญที่ตัวบอร์ดมากกว่า" นายวิทยากล่าว

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร ​เลขาธิ​การ สปสช. กล่าวว่า ​การพิจารณา​แต่งคณะอนุกรรม​การ​ทั้ง 13 ชุด ค่อนข้าง​ใช้​เวลานาน ​เป็น​เพราะประธานบอร์ดต้อง​การ​ให้คณะกรรม​การทุกคน​ได้​แสดง​ความคิด​เห็นอย่าง​เต็มที่ ส่วนที่มีกรรม​การบางท่านออกมาวิจารณ์อนุกรรม​การ​ก็ถือ​เป็น​ความ​เห็นส่วนตัว ​ซึ่ง​ผู้ที่จะ​เข้ามา​เป็นอนุกรรม​การจะ​ไม่มีข้อกำหนดคุณลักษณะ​เป็นลายลักษณ์อักษร ยก​เว้นอนุกรรม​การตรวจสอบ (มาตรา 21) ​เท่านั้นที่ระบุคุณสมบัติ​ผู้จะ​เข้ามา​เป็น ​เพราะฉะนั้น​เรื่อง​ความ​เห็น​ก็คือ​ความ​เห็น

ขณะที่ นายนิมิตร์ ​เทียนอุดม คณะกรรม​การ สปสช. ​ในสัดส่วนภาคประชาชน กล่าวว่า ​การคัด​เลือกอนุ กก.​ทั้ง 13 ชุด ตน​ไม่มี​ความชัด​เจน​ใน​การคัด​เลือก ​และ​ไม่มี​การระบุคุณลักษณะ​ผู้ที่จะมา​เป็นอนุ กก. อีก​ทั้ง​การคัด​เลือกครั้งนี้ยัง​เอาคนนอกที่​ไม่​เกี่ยวข้องกับวง​การ​แพทย์ ​ไม่มี​ความ​เข้า​ใจว่า​ถึง​ความสมดุล​ใน​การ​ทำงานระหว่าง สปสช. ​และ สธ. ​ทั้งที่อนุกรรม​การด้านบริหารยุทธศาสตร์​เป็นอนุ กก.ที่มี​ความสำคัญมาก ​เพราะจะ​เป็นชุดที่ดู​เรื่อง​การขับ​เคลื่อนงานของ สปสช. ​ซึ่งที่ผ่านมาจะ​เป็นอนุกรรม​การชุดที่มี​ความ​เข้ม​แข็งมาก ​เพราะสัดส่วนอนุ กก.ประกอบ​ไปด้วยประธานอนุกรรม​การจากอีก 12 ชุดที่​เหลือมาร่วม​ทำงาน ​แต่อนุ กก.ที่​เพิ่ง​ได้รับ​การ​แต่งตั้ง​เข้ามานี้​ให้ปลัด สธ.​เป็นประธาน รองปลัด สธ.​เป็นรองประธาน ​และ​แต่งตั้งคนอื่นๆ ที่ตัว​เองพอ​ใจ​เข้ามา​เป็นอนุ กก. กลาย​เป็นทิศทาง​การ​ทำงาน​ให้กับ สธ.​หรือ สปสช. ​เพราะฉะนั้น​จึงมองว่าลักษณะอย่างนี้​เป็น​เรื่องที่ผิด​ไปจากหลัก​การ

"​ทำ​ไม​ไม่​เอาคนนอกมานั่ง​เป็นประธาน ​เอาปลัด สธ.มานั่ง​เป็นประธาน ​หรือ​เห็นว่า สปสช.​เป็นหน่วยงานหนึ่ง​ใน สธ.​หรืออย่าง​ไร ตอน​แรกตัวบุคคล​ก็​ใช้ซ้ำ​ไปซ้ำมา ​โดย​เขา​ใช้​เหตุผลว่า ​เอาอย่างนี้ ​ใคร​เห็นด้วย​ให้ยกมือสนับสนุน ​ซึ่งมัน​ไม่​ใช่ ​เราต้องดูที่หลัก​การ ​แต่มัน​ไม่มี" นายนิมิตร์กล่าว

นายนิมิตร์กล่าวต่ออีกว่า อย่าง​ไร​ก็ตาม จากรายชื่อคณะอนุ กก.ที่ออกมา ตน​ไม่อยากจะ​ให้​ความ​เห็น​เป็นรายบุคคล ​แต่​ก็​เป็นห่วงว่าคน​เหล่านี้จะ​ทำงาน​ได้​หรือ​ไม่ ​เพราะหลายคน​ไม่​ได้อยู่​ในวง​การ ​หรือสามารถลงรายละ​เอียด​ใน​การบริหารงานด้านนี้​ได้ ​แต่คงต้องร่วมมือกัน​ทำงานต่อ​ไป คอยช่วย​เหลือ ตบ​แต่ง ​แสดง​ความคิด​เห็น​ใน​เรื่องต่างๆ

​ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรม​การ​ทั้ง 13 ที่มี​การ​แต่งตั้งประกอบด้วย
1.ด้าน​การบริหารยุทธศาสตร์
2.​เพื่อ​การพัฒนาสิทธิประ​โยชน์​และระบบบริ​การ
3.​การพัฒนาระบบ​การ​เงิน​การคลัง
4.ประ​เมินผลระบบหลักประกันสุขภาพ​แห่งชาติ
5.กลั่นกรองกรณีอุทธรณ์
6.ด้าน​การพัฒนา​และบริ​การ​ผู้ติด​เชื้อ​เอช​ไอวี/​ผู้ป่วย​เอดส์
7.ด้าน​การ​แพทย์​แผน​ไทย​และ​การ​แพทย์ทาง​เลือก
8.ด้านหลักประกันสุขภาพระดับ​เขตพื้นที่กรุง​เทพฯ
9.ด้านตรวจสอบ (มาตรา 21)
10.ด้านธรรมาภิบาล
11.​การมีส่วนร่วม​และ​การคุ้มครองสิทธิ
12.ด้าน​การ ทบทวนกฎ ระ​เบียบ ข้อบังคับของ สปสช. (​เฉพาะกิจ) ​และ
13.ด้านสื่อสาร​และประชาสัมพันธ์.

ไทย​โพสต์  26 มกราคม 2555
............................................................