ผู้เขียน หัวข้อ: เร่งล่า'แมงมุม'กัดหนุ่มตาย ส่งศพนิติเวชพิสูจน์  (อ่าน 1223 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
สาธารณสุขภูเก็ตส่งทีมผู้เชี่ยวชาญล่าแมงมุมแม่ม่ายดำ ตามที่ญาติระบุว่าหนุ่มสกลฯ ถูกกัดเสียชีวิต หวั่นทำอันตรายชาวบ้านซ้ำ ขณะที่ล่าสุดส่งศพตรวจซ้ำที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ คาดรู้ผลภายใน 7 วัน…

กรณีนายวันชัย วงศรีกร อายุ 30 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 3 หมู่ 3 ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ปัจจุบันพักอยู่บ้านเลขที่ 190/14 หมู่ 4 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ถูกแมง หรือแมลง หรือสัตว์บางชนิดกัด ขณะอาบน้ำอยู่ภายในบ้านพัก เมื่อค่ำวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา และเข้ารักษาตัวที่ รพ.ถลาง ในเวลาต่อมา จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ม.ค. โดยแพทย์ลงความเห็นและวินิจฉัยในใบมรณบัตรถึงสาเหตุการตายโดยพิษเฉียบพลันจากสัตว์ไม่ทราบชนิดกัด เบื้องต้นญาติๆ ต่างติดใจเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษาของแพทย์ที่ล่าช้า ส่งผลให้นายวันชัยเสียชีวิต ขณะที่ชาวบ้านบริเวณโดยรอบบ้านพักของนายวันชัยที่ทราบข่าว พากันตื่นตกใจเกี่ยวกับแมง หรือสัตว์ที่ทำให้นายวันชัยเสียชีวิต

ต่อมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ภูเก็ต และคณะแพทย์ รพ.ถลางออกแถลงข่าวชี้แจงขั้นตอนการรักษาและสาเหตุการตาย ระบุว่า สัตว์ที่ทำให้นายวันชัยเสียชีวิตนั้น อาจไม่ใช่แมงมุมตามที่ทางญาติเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่กัดนายวันชัยก่อนเสียชีวิต หลังจากญาติได้รับฟังการชี้แจงจาก สสจ.ภูเก็ต และแพทย์ รพ.ถลาง แล้ว จึงไม่ติดใจเอาความเกี่ยวกับการรักษา พร้อมกับขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่บ้านเกิดนั้น

เมื่อวันที่ 25 ม.ค. นพ.ศักดิ์ แท่นชัยกุล นายแพทย์ สสจ.ภูเก็ต กล่าวถึงความคืบหน้าการเสียชีวิตของนายวันชัย ที่ถูกสัตว์มีพิษกัดจนเสียชีวิต ว่า ขณะนี้ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ รพ.ถลาง, สสจ., อสม.อ.ถลาง และหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่บริเวณบ้านพักของผู้ตาย เพื่อให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับสัตว์มีพิษ รวมถึงเฝ้าระวังติดตามหาแมงมุมที่ทางญาติผู้ตายเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต เพื่อจะได้เกิดความชัดเจน

นอกจากนี้ ในส่วนของ สสจ.ภูเก็ต ได้มอบหมายให้ นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์ สสจ.ภูเก็ต และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เป็นประธานประชุมร่วมกับแพทย์ รพ.ถลาง เพื่อติดตามหาสาเหตุของการเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนการชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดนั้น ก่อนที่ญาติจะรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่บ้านเกิด ได้ให้ญาตินำศพเข้าไปยังสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์นิติเวชได้เก็บข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะทราบผลภายใน 7 วัน ซึ่งเมื่อทราบแล้วจะต้องมีการประชุมสรุปสาเหตุที่ชัดเจน โดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น สสจ.ไม่สามารถที่จะระบุได้เอง จึงต้องรอผลการพิสูจน์ยืนยันความชัดเจน

อย่างไรก็ตาม จากที่ได้ดูบาดแผล มีความเป็นไปได้ว่าถูกสัตว์มีพิษกัด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นสัตว์ชนิดใด ดังนั้น จำเป็นจะต้องหาตัวแมงมุมที่ถูกระบุว่าเป็นต้นเหตุให้ได้ ซึ่งจะทำให้สามารถทราบสาเหตุที่ชัดเจน และเมื่อพิจารณาอาการของผู้ตาย พบว่ามีอาการปวดเฉพาะจุด ซึ่งจะต่างจากการแพ้พิษของต่อหรือแมงหรือหมาบ้า เพราะหากแพ้อย่างรุนแรงจะมีอาการบวมแดง เหนื่อยหอบ และเสียชีวิตภายใน 2-3 ชั่วโมง จึงมีโอกาสน้อย แต่ก็เป็นไปได้ แม้อาการจะต่างจากอาการของนายวันชัย

นายแพทย์ สสจ.ภูเก็ต กล่าวด้วยว่า เนื่องจากขณะนี้ยังไม่พบตัวแมงมุมที่ถูกระบุถึง จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า สาเหตุการตายมาจากสัตว์ชนิดใด ส่วนกรณีที่เกรงว่าจะเป็นแมงมุมม่ายดำนั้น เท่าที่ทราบในเมืองไทยไม่เคยพบแมงมุมชนิดนี้มาก่อน หากมีการตรวจพบแสดงว่าจะต้องมีผู้นำเข้ามา จำเป็นที่จะต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้รับทราบ เพื่อจัดเตรียมในเรื่องยาต้านพิษ และต้องหาตัวให้พบ รวมทั้งจะต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องกับประชาชน เพื่อจะได้เพิ่มความระมัดระวัง รวมถึงในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยา นักกีฏวิทยา หรือหน่วยงานอื่นๆ จะได้มีการศึกษาข้อมูลให้ละเอียด แต่ที่สำคัญคือ จะต้องหาตัวแมงมุมดังกล่าวให้พบ.

ไทยรัฐออนไลน์ 25 มค 2555

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9745
    • ดูรายละเอียด
โอละพ่อ! สสจ.ภูเก็ตแถลงยืนยัน หนุ่มสกลฯ ถูกสัตว์กัดตายไม่ใช่แมงมุม และบาดแผลที่ญาติเชื่อว่าเป็นแมงมุมกัดเป็นแค่ไฝ คาดสาเหตุการตายคือหัวใจวาย ระบุรอผลผ่าศพอย่างละเอียด 30 วัน ด้านภรรยาสาวไม่เชื่อบาดแผลที่พบเป็นไฝ ยันเห็นแมงมุมสีดำไต่ออกจากใต้รักแร้ขวาสามีก่อนตายจริง และสามีไม่มีไฝจุดดังกล่าว

จากกรณี นายวันชัย วงศีลกร อายุ 30 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 3 หมู่ 3 ต.ดงหม้อทอง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 190/14 หมู่ 4 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ถูกแมงหรือแมลงหรือสัตว์บางชนิดกัดขณะอาบน้ำภายในบ้านพัก เมื่อค่ำวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา และเข้ารักษาตัวที่ รพ.ถลาง ในเวลาต่อมา กระทั่งเสียชีวิตเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ม.ค. โดยแพทย์ลงความเห็นและวินิจฉัยในใบมรณบัตรถึงสาเหตุการตายโดยพิษเฉียบพลันจากสัตว์ไม่ทราบชนิดกัด เบื้องต้นญาติต่างติดใจเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษาของแพทย์ที่ล่าช้า ส่งผลให้นายวันชัยเสียชีวิต ขณะที่ชาวบ้านบริเวณโดยรอบบ้านพักของนายวันชัยที่ทราบข่าว ต่างเริ่มตื่นตกใจเกี่ยวกับแมงหรือสัตว์ที่ทำให้นายวันชัยเสียชีวิต โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ภูเก็ต และคณะแพทย์ รพ.ถลาง ชี้แจงทำความเข้าใจขั้นตอนการรักษาและสาเหตุการตายกับญาติ ซึ่งระบุสัตว์ที่ทำให้นายวันชัยเสียชีวิตนั้น อาจไม่ใช่แมงมุมตามที่ทางญาติเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่กัดนายวันชัยเสียชีวิต โดยญาติได้รับฟังการชี้แจง ทำให้ไม่ติดใจเอาความเกี่ยวกับการรักษา

จากนั้นได้ส่งศพไปยังสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ให้แพทย์ผ่าศพชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอย่างละเอียด ขณะเดียวกัน นพ.ศักดิ์ แท่นชัยกุล นายแพทย์ สสจ.ภูเก็ต ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่ รพ.ถลาง, สสจ., อสม.อ.ถลาง และหน่วยสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่บริเวณบ้านพักของผู้ตาย เพื่อให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับสัตว์มีพิษ รวมทั้งเฝ้าระวังติดตามหาแมงมุม ที่ทางญาติของผู้ตายเชื่อว่าเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต จนเก็บตัวอย่างแมงมุมบางชนิดจำนวน 2 ตัว กลับมาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าเป็นเพียงแมงมุมทั่วไป-แมงมุมขายาวบ้าน หรือแมงมุมกล้วย มีพิษ แต่ไม่ถึงกับทำให้คนเสียชีวิตได้ โดยนักวิชาการต่างออกมาระบุว่า เคยพบแมงมุมแม่ม่ายดำ หรือแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลในประเทศไทย หลังจากมีการลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ยังไม่มีรายงานว่ากัดคนเสียชีวิตในประเทศ

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ม.ค. ที่ห้องประชุมย่อย ชั้น 1 สสจ.ภูเก็ต นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ รองนายแพทย์ สสจ.ภูเก็ต ในฐานะประธานการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของนายวันชัย ที่ญาติเชื่อว่าถูกแมงมุมกัดตาย พร้อมด้วย ดร.ปิติ มงคลางกูร นักกีฏวิทยา และนางอรุณี ศุภนาม หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรค สสจ.ภูเก็ต แถลงข่าวความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยมีการนำภาพถ่ายสภาพศพ-บาดแผลของผู้ตาย เริ่มตั้งแต่ผิวหนังหลังจากเสียชีวิตได้ 1 ชม. เรื่อยไปจนถึง 24 ชม. เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของสภาพศพ พร้อมนำภาพบริเวณจุดที่ญาติ หรือเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นจุดที่เกิดจากบาดแผลแมงมุมหรือสัตว์มีพิษกัดหรือต่อย มาเปรียบเทียบกับสภาพบาดแผลของเหยื่อที่ถูกแมงมุมแม่ม่ายดำ หรือแมงมุมแม่ม่ายน้ำตาลกัด หรือผึ้ง-แมลงป่อง พบว่ามีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เนื่องจากบาดแผลที่พบบริเวณหลังหัวไหล่ขวาของผู้ตาย ที่ญาติเชื่อว่าเป็นรูที่ถูกแมงมุมกัด จากการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังปรากฏว่าเป็นเพียงไฝเท่านั้น ไม่ใช่บาดแผลที่ถูกกัดหรือต่อยจากสัตว์มีพิษแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบโดยรอบร่างกายก็ไม่พบบาดแผลใดๆ ที่เชื่อว่าเกิดจากสัตว์มีพิษกัด หรือต่อยเช่นเดียวกัน

นพ.วิวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบบ้านพักของผู้ตายและบริเวณโดยรอบ ไม่พบสัตว์หรือแมงหรือแมลงที่คาดว่ามีพิษ สามารถกัดหรือต่อยคนถึงแก่ความตายได้เลย มีเพียงแมงมุมทั่วไป กับแมงมุมกล้วย หรือแมงมุมขายาวบ้านที่พบภายในบ้านพักผู้ตายเท่านั้น โดยสามารถพบเห็นแมงมุมทั้ง 2 ชนิดได้ทั่วไป ซึ่งเป็นแมงมุมที่มีพิษ แต่ไม่สามารถทำให้คนถึงแก่ชีวิตได้ ขณะที่ทีมตรวจสอบข้อเท็จจริงพุ่งประเด็นสาเหตุการเสียชีวิตไปที่โรคประจำตัวของผู้ตายเป็นหลัก เพราะจากการสอบสวนพบว่า ก่อนที่นายวันชัยจะเสียชีวิตได้ดื่มเหล้าแล้วเข้าไปอาบน้ำ กระทั่งรู้สึกปวดหัวไหล่ขวาเหมือนถูกสัตว์บางชนิดกัดหรือต่อย จึงบอกภรรยา จากนั้นก็มารักษาที่ รพ.ถลาง เบื้องต้นแพทย์จ่ายยาแก้ปวด แล้วให้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน กระทั่งอาการปวดกำเริบและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จึงเชื่อว่าผู้ตายอาจหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันหรือหัวใจวาย เช่นเดียวกันกับกรณีนักฟุตบอลอาชีพที่หัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายเฉียบพลันขณะกำลังแข่งขันอยู่กลางสนาม ซึ่งร่างกายนักฟุตบอลจะแข็งแรงมาก ผ่านการตรวจสอบความฟิตก่อนลงแข่งทุกครั้งด้วยซ้ำไป แต่ก็ยังเกิดหัวใจวายได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้ตายหัวใจวายหรือหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันนั้น คงต้องรอผลการผ่าชันสูตรศพจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ โดยจะใช้เวลาราว 30-45 วัน จะเป็นการผ่าศพพิสูจน์อย่างละเอียด รวมไปถึงการผ่าพิสูจน์หัวใจผู้ตายด้วย ขณะนี้เชื่อว่าผู้ตายไม่ได้เสียชีวิตจากการถูกสัตว์หรือแมงหรือแมลงกัดต่อยอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำความเข้าใจกับญาติของผู้ตายที่เชื่อว่าถูกแมงมุมกัดต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ภายหลังการแถลงข่าวของ สสจ.ภูเก็ต ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง นางปรียนันท์ บุญศรี อายุ 27 ปี ภรรยาของผู้ตาย ซึ่งอยู่กับนายวันชัยในวันเกิดเหตุ เกี่ยวกับบาดแผลและจุดที่นายวันชัยปวด โดยเชื่อว่าเป็นบริเวณหัวไหล่ขวาเรื่อยมาจนถึงใต้รักแร้ขวา กระทั่งมีรูขนาดใหญ่กว่าปลายปากกาคล้ายรูเขี้ยวของแมงหรือแมลงหรือสัตว์บางชนิดกัดผ่านทะลุผิวหนัง โดย สสจ.ระบุว่าเป็นเพียงไฝ ไม่ใช่บาดแผลจากแมงมุมกัด

นางปรียนันท์ กล่าวว่า ยืนยันว่า ขณะเกิดเหตุสามีมีอาการปวดบริเวณหัวไหล่ขวา เรื่อยมาจนถึงใต้รักแร้ขวาจริง และสามีไม่มีไฝที่บริเวณดังกล่าว โดยยังคงระบุว่าหลังจากสามีร้องเสียงหลง ตนเห็นแมงมุมสีดำไต่ออกมาจากใต้รักแร้ขวาของสามี ก่อนจะหายเข้าไปในกำแพงห้องน้ำ ตนไม่เข้าใจว่าจากรูบาดแผล กลายมาเป็นไฝได้อย่างไร ส่วนเรื่องก่อนจะเสียชีวิตสามีดื่มเหล้าก่อนไปอาบน้ำนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะปกติสามีจะดื่มเหล้าเล็กน้อยก่อนอาบน้ำเข้านอน ไม่ได้ดื่มจนเมามาย และสามีก็ไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด ทั้งนี้สาเหตุการตายต้องรอผลผ่าพิสูจน์ศพจากสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ที่แท้จริง ตนจึงจะเชื่อว่าสามีตายเพราะเหตุใดกันแน่.

ไทยรัฐออนไลน์ 26 มค 2555