ผู้เขียน หัวข้อ: ไฟป่า แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ เสียหายแล้วกว่า 450,000 ไร่ ‘เผาหาของป่า’ต้นเหตุสำคัญ  (อ่าน 16 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
จากกรณีสถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็น 2 พื้นที่ที่มีจุดความร้อนติดอันดับต้นๆ ของประเทศในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 1 เมษายน กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-8 ของวันที่ 31 มีนาคม 2567 เวลา 10.48 น. แสดงพื้นที่เผาไหม้ที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ของ อ.แม่ลาน้อย อ.แม่สะเรียง อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งพบพื้นที่ความเสียหายทั้งสิ้น 251,037 ไร่

และในพื้นที่ของ อ.แม่แจ่ม อ.จอมทอง อ.ฮอด อ.อมก๋อย อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ ที่มีความเสียหายทั้งสิ้น 203,573 ไร่ รวมพื้นที่ความเสียหายทั้งหมด 454,610 ไร่

สำหรับสาเหตุการเกิดไฟป่ายังคงมาจากการจุดไฟเผาเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ รวมถึงการเผาพื้นที่เกษตรก่อนเตรียมการเพาะปลูก และการเผาหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น

ข้อมูลดังกล่าวจะใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าตรวจสอบในพื้นที่จริงร่วมกับจังหวัด เพื่อนำไปสู่การวางแผนฟื้นฟู ป้องกัน และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน อันจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน.

1 เมษายน 2567
มติชน

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9759
    • ดูรายละเอียด
ฝุ่นควันยังวิกฤติ เช้านี้ "เชียงใหม่" พุ่งติดเมืองมลพิษ อันดับ 3 ของโลก อยู่ในระดับสีแดง สถานการณ์ไฟป่าของเชียงใหม่ยังกระจายไปทั่วทุกพื้นที่

วันที่ 2 เม.ย. 2567 มีรายงานว่า เว็บไซต์ IQAir ที่คอยสังเกตการณ์คุณภาพอากาศของเมืองสำคัญทั่วโลก ได้อัปเดตการจัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดแบบเรียลไทม์ ณ เวลา 09.31 น. พบว่าจังหวัดเชียงใหม่ พุ่งขึ้นมาครองแชมป์เป็นอันดับ 3 เมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด โดยวัดได้ 188 AQI US อยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อทุกคน
 
ขณะที่อันดับ 1 คือ ลาฮอร์, ปากีสถาน วัดได้ 245 AQI US อยู่ในระดับสีม่วงมีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง และ
อันดับ 2 คือ เดลี, อินเดีย วัดได้ 245 194 US อยู่ในระดับสีแดง

ทั้งนี้มีรายงานว่า สถานการณ์ไฟป่าของเชียงใหม่ยังกระจายไปทั่วทุกพื้นที่ โดยช่วงเช้าวานนี้ (1 เม.ย. 67) พบจุดความร้อนใน 17 อำเภอจำนวน 98 จุดด้วยกัน ซึ่งสูงสุดอยู่ในพื้นที่อำเภอเชียงดาว 16 จุด ไชยปราการ 14 จุด จอมทอง 12 จุด แม่แจ่ม 12 จุด ฮอด 10 จุด และตามอำเภอต่างๆ อีก 12 อำเภอ ซึ่งยังคงต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดับไฟป่าอย่างต่อเนื่องตอดทั้งวันทั้งคืน

สำหรับจุดที่โหมหนักคือพื้นที่อำเภอเชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่โดยรอบดอยหลวงเชียงดาว ต้องใช้ ฮ.ปักเป้าส้ม ของ ปภ.บินขึ้นไปโปรยน้ำเพื่อช่วยดับไฟป่าร่วมกับทางภาคพื้นดิน ในจุดที่เป็นหน้าผาสูงชัน ขณะที่อีกจุดที่น่าเป็นห่วงคือที่อำเภอดอยสะเก็ด ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ที่เกิดไฟป่าในพื้นที่ดอยนางเมาะลุกลามอย่างรวดเร็วขึ้นไปตามยอดดอย

โดยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 เม.ย. 67 พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 161 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 74.08 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวอยู่ในอันดับที่ 2 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก

ขณะที่อันดับ 1 ได้แก่ เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ดัชนีคุณภาพอากาศ 168 US AQI ส่วนค่ามลพิษของเมืองเชียงใหม่จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษพบว่าวิกฤติหนักสุดในรอบปี พบว่าดัชนีคุณภาพอากาศทะลุ 200 AQI ไปแล้วทุกสถานี ในตัวเมืองเชียงใหม่ ดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 220 AQI ค่าฝุ่น PM 2.5 วัดได้ 94.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่สูงสุดของจังหวัดอยู่ที่ ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว ดัชนีคุณภาพอากาศวัดได้ 287 AQI ค่าฝุ่น PM 2.5 วัดได้ 161.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร.

Thairath Online
2 เม.ย. 67