ผู้เขียน หัวข้อ: ไม่เคยรู้ว่ามีทุจริต! "ครูชัยยศ" เผยหลังถูกปลด เครียดจนไหว้พระไม่จบก่อนนอน  (อ่าน 33 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
ความคืบหน้ากรณีก นายชัยยศ สุขต้อ อดีตครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนยางเปา อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ถูกคำสั่งปลดออกจากราชการ หลัง ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด กรณีเซ็นตรวจรับงบอาหารกลางวันเด็ก ซึ่งล่าสุด ป.ป.ช.เผยแพร่เอกสารข่าวยืนยันการชี้มูลความผิดด้วย

นายชัยยศ เปิดเผยว่า ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำมาตลอดชีวิตราชการด้วยเจตนาดีจะมีผลลัพธ์คือถูกปลดออกจากราชการ หลังจากถูกปลดออกก็มีความเครียด ไหว้พระไม่จบก่อนนอน เหมือนความฝันว่า เราโดนขนาดนี้เลยหรือกับความตั้งใจตั้งมั่นที่ทำมาตลอดการทำงาน 26 ปี

นายชัยยศ กล่าวย้ำว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบมากมายทั้งสภาพจิตใจ และยังต้องเสียเงินมากมายในการต่อสู้เรียกร้องคืนความยุติธรรม ล่าสุดได้ขายที่ดินสวนลำไยของที่บ้าน 1.5 ไร่ 150,000 บาท เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช่จ่ายในการเรียกร้องความเป็นธรรม ทั้งตั้งทนายความ ค่าเอกสาร และ ค่าเดินทาง 

ทั้งนี้จะใช้หนังสือคำสั่งของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนที่สั่งให้ตนเองทำหน้าที่ในการตรวจรับรายการอาหาร และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งหลักฐานอีกส่วนหนึ่งจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และผลงานคุณงามความดีในการทำงานที่ผ่านมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่และยังใช้งบประมาณส่วนตัว ไม่เคยคิดทุจริตโกงกิน เป็นหลักฐานในการอุทธรณ์และต่อสู้คดีเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง 

สำหรับประเด็นที่มีการร้องเรียนว่า การเกลี่ยงบอาหารทำให้อาหารเด็กเล็กลดลงและด้อยคุณภาพ นายชัยยศ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนจัดอาหารให้กับเด็กเล็ก และเด็กมัธยมได้กินอิ่มและเพียงพอ เด็กบอกว่าอาหารดีกว่าที่บ้าน ซึ่งบางทีต้องกินข้าวกับเกลือกับน้ำปลา โดยในเรื่องอาหารกลางวันในโรงเรียนขยายโอกาสทาง สพฐ.ไม่ได้จัดสรรงบอาหารกลางวันให้เด็กมัธยม ในทางปฏิบัติก็ต้องมีการแบ่งปันและเป็นการบริหารของแต่ละโรงเรียน

นายชัยยศ กล่าวด้วยว่า กรณีที่ ป.ป.ช. แถลงยืนยันว่า ตนเองต้องรับผิดในฐานะเป็นกรรมการตรวจรับเนื่องจากต้องมีหน้าที่ในการตรวจสอบก่อนเซ็นรับ มองว่าไม่ยุติธรมและเป็นการตัดสินที่เร็วเกินไปและไม่ละเอียด ตนเองเข้าใจว่าเป็นเอกสารการตรวจรับรายการอาหาร แต่ยอมรับว่าไม่มีความรู้ในเรื่องเอกสารเหล่านี้ ตัวเองเรียนครูมาก็ไม่ได้มีความรู้และความถนัดเกี่ยวกับเรื่องการเงินหรือพัสดุ แต่เมื่อทางโรงเรียนมีครูน้อย เมื่อมีคำสั่งก็ไม่มีสิทธิ์ฝ่าฝืนอะไรได้ โดยคิดว่าไม่ยากแค่เซ็นชื่อตรวจรับตามรายการที่ส่งมาให้เท่านั้น 

ขณะที่คำสั่งของ สพป.เขต 5 เข้าใจว่าเมื่อ ป.ป.ช. ชี้มูลมาก็มีแค่สองทางเลือก คือ ไล่ออกหรือปลดออก แต่หากมองเจตนาของตนเองแล้ว แค่ตัดหรือลดขั้นเงินเดือนก็ไม่ควรโดนด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้ควรต้องมองเจตนาเป็นสำคัญ 

ส่วนที่ต้องมารับผิดเพราะความไว้เนื้อเชื่อใจครูที่ทำหน้าที่ทำงบประมาณจัดซื้อหรือไม่ ครูชัยยศบอกว่า ไว้ใจทุกคน ไม่เคยระแวงใคร และไม่เคยรู้ด้วยว่ามีการทุจริต   

นายชัยยศ กล่าวต่ออีกว่า เชื่อว่ายังมีครูอีกหลายคนที่ทุ่มเทเสียสละแต่ต้องมาประสบชะตากรรมกันเดียวกันกับตนเอง ฝากถึง รมว.ศึกษาธิการ ให้ความเมตตาด้วย ที่ผ่านมาทำงานตามลำพัง ทำดีไม่หวังผลตอบแทน แต่วันนี้รู้สึกน้อยใจ วันนี้ตนเองอาจมีรอยยิ้มกับคนรอบข้าง แต่พอตกกลางคืนก็คิดมากนอนไม่หลับ ตนเองเป็นข้าราชการแต่วันนี้อาชีพกลับย้อนมาทำลายตัวเองแล้วจะหาความภูมิตรงไหนจากความเป็นข้าราชการไทย 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังมีคำสั่งปลดออกจากราชการ ผู้บริหารโรงเรียนได้แจ้งให้ นายชัยยศ ออกจากบ้านพักครูโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเกรงว่าจะผิดระเบียบราชการ ขณะเดียวกันก็มีบุคลากรทางการศึกษาบางคนตำหนิถึงการออกมาให้ข่าวที่ทำให้เสียหาย

นอกจากนั้นยังมีกลุ่มเพื่อนครูและศิษย์เก่าได้เดินทางนำเงินที่ระดมทุนกันมามอบให้นายชัยยศ เป็นเงิน 60,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียกร้องความเป็นธรรม แต่นายชัยยศไม่รับเงินจำนวนดังกล่าวไว้ 

PPTVHD36
8 ธค 2566

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
ป.ป.ช. โต้สื่อเผยแพร่ข้อความที่คลาดเคลื่อน ยืนยัน“ครูชัยยศ” ถูกปลดเพราะมีมูลความผิดอย่างร้ายแรง

ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว นายชัยยศ สุขต้อ ครูโรงเรียนบ้านยางเปา อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัย และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 มีคำสั่งปลดนายชัยยศ ออกราชการ โดยเนื้อหาของข่าวระบุว่า การถูกปลดออกจากราชการดังกล่าว สืบเนื่องจากการที่นายชัยยศ สุขต้อ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมตรวจรับอาหารกลางวัน นำอาหารในส่วนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาแบ่งให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นรับประทาน เป็นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบไม่เป็นตามระเบียบ นั้น 

วันที่ 7 ธ.ค. 2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโรงเรียนบ้านยางเปา อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 ได้มีการขออนุญาตให้ดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระดับอนุบาล ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยมีนักเรียน 2 ประเภท คือ นักเรียนไปเช้ากลับเย็นและนักเรียนพักนอน โดยนักเรียนพักนอนได้รับการสนับสนุนค่าอาหารจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 5 ส่วนนักเรียนระดับประถมศึกษา จะได้รับการสนับสนุนค่าอาหารกลางวันจากองค์การบริหารส่วนตำบลอมก๋อย

โดยเมื่อปี 2561โรงเรียนบ้านยางเปา นักเรียนระดับประถมศึกษาและอนุบาล จำนวน 235 คน นักเรียนระดับมัธยมศึกษา จำนวน 244 คน โดยมีนักเรียนพักนอน (รวมประถมและมัธยม) จำนวน 169 คน  การดำเนินการจัดหาอาหารกลางวัน กำหนดให้โรงเรียนต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และจะจ่ายเงินได้ เมื่อมีการตรวจรับและลงลายมือชื่อของคณะกรรมการตรวจรับครบถ้วน

โดยนายจรัส สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางเปา ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อ และตรวจรับอาหารกลางวันนักเรียนฯ มีนางบุณยนุช ใจปินตา เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหาร นางจิราพรรณ จาตุนันท์ และนายชัยยศ สุขต้อ เป็นกรรมการตรวจรับ

การจัดหาอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนพักนอน ปี 2561 จำนวน 15 สัปดาห์ ปรากฏว่า นางบุณยนุช ใจปินตา ไม่ได้ดำเนินการขออนุมัติจัดซื้อตามแบบรายการและเอกสารของทางราชการที่กำหนด ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 โดยนางบุณยนุช ใจปินตา ทำบันทึกขออนุมัติยืมเงินโครงการอาหารกลางวันนักเรียน เงินปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจน และอาหารนักเรียนพักนอน เป็นรายสัปดาห์ ซึ่งนายจรัส  สุพรรณ์ ได้อนุมัติให้ยืมเงินสำหรับโครงการอาหารกลางวันฯ โดยไม่ได้สั่งการให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของทางราชการ

เมื่อนางบุณยนุช ใจปินตา ได้ทำการยืมเงินโครงการอาหารกลางวันฯ สัปดาห์ละประมาณ 60,000 บาท แล้ว นางบุณยนุช ใจปินตา เป็นผู้ดำเนินการจัดหาวัตถุดิบเพื่อประกอบอาหารและจ้างคนครัวเพื่อประกอบอาหารเองไม่เกินสัปดาห์ละ 48,500 บาท (โดยไม่มีการทำสัญญาจ้างและไม่มีหลักฐานการเข้ามาประกอบอาหารแต่อย่างใด) โดยในส่วนเงินที่เหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000 บาท จำนวน 15 สัปดาห์ เป็นเงิน 172,240 บาท นั้น พบว่า ในระหว่างสัปดาห์ นางบุณยนุช ใจปินตา ได้มีการจัดซื้อเพิ่มเติมจาก 2 แห่ง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าแต่ละสัปดาห์ได้มีการจัดซื้อเป็นจำนวนเท่าใด และไม่ได้ขอใบเสร็จรับเงินจากร้านค้า

เมื่อตรวจสอบเอกสารชดใช้เงินยืมนางบุณยนุช ใจปินตา ได้จัดพิมพ์ใบรับรองรายการจ่ายเงินค่าอาหารเป็นเท็จ แยกเป็นรายวัน วันละ 3 ใบ รวม 15 ใบ ทั้งที่มีการส่งอาหารสดและอาหารแห้งมายังโรงเรียนบ้านยางเปาสัปดาห์ละครั้ง โดยระบุใบรับรองรายการจ่ายเงินค่าอาหารไม่เกินใบละ 10,000 บาท โดยเพิ่มราคาต่อหน่วยของวัตถุดิบ ซึ่งนางจิราพรรณ จาตุนันท์ และนายชัยยศ สุขต้อ ซึ่งเป็นกรรมการตรวจรับได้ลงลายมือชื่อรับรอง และนางบุณยนุช ใจปินตา จึงได้นำใบรับรองดังกล่าวมาเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน

ดังนั้น การที่นางบุณยนุช ใจปินตา ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่จัดซื้ออาหารกลางวันทำการขออนุมัติยืมเงินเพื่อจัดหาอาหารกลางวัน และนายจรัส สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางเปา อนุมัติให้ยืมเงินโดยไม่ได้ขออนุมัติให้จัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และนางบุณยนุช ใจปินตา ทำใบรับรองการจ่ายเงินเป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินแทนใบเสร็จรับเงิน โดยมีนางจิราพรรณ จาตุนันท์ และนายชัยยศ สุขต้อ ลงชื่อรับรองอันเป็นเท็จ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการตรวจสอบในภายหลังว่าการจัดซื้อจัดหาอาหารกลางวันของโรงเรียนบ้านยางเปาดำเนินการครบถ้วนหรือไม่อีกทั้ง การไม่ดำเนินการจัดซื้อตามระเบียบย่อมเป็นการดำเนินการเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โรงเรียนบ้านยางเปา

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ ดังนี้

1. นายจรัส สุพรรณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 157  และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

2.นางบุณยนุช ใจปินตา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151  และมาตรา 157 และมาตรา 162  (1), (4) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

3.นางจิราพรรณ จาตุนันท์ และ นายชัยยศ สุขต้อ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162  (1), (4) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายจรัส สุพรรณ์ นางบุณยนุช ใจปินตา นางจิราพรรณ จาตุนันท์ และ นายชัยยศ สุขต้อ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณีต่อไป

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา จะเห็นได้ว่ามีประเด็นที่คลาดเคลื่อนจากการนำเสนอข่าว จำนวน 2 ประเด็น คือ ยอดเงินในส่วนเงินที่เหลือประมาณสัปดาห์ละ 10,000 บาท รวม 15 สัปดาห์ เป็นเงินจำนวน 172,240 บาท ที่ไม่สามารถแจกแจงรายละเอียดได้ และจากการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชนว่านายชัยยศ สุขต้อ ถูกปลดออกจากราชการ สืบเนื่องจากการที่นายชัยยศ สุขต้อ ซึ่งได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจรับอาหารกลางวัน นำอาหารในส่วนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาแบ่งให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นรับประทาน นั้น เป็นการเผยแพร่ข้อความที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง

7 ธ.ค. 2566
PPTVHD36.COM