ผู้เขียน หัวข้อ: สลด ทัวร์มรณะคร่า 14 ศพ แม่พาลูกสาวดาวติ๊กต่อกสอบสัมภาษณ์ เสียชีวิตทั้งคู่  (อ่าน 47 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
สองแม่ลูกจาก อ.ชะอวด นครศรีธรรมราช นั่งรถทัวร์กรุงเทพฯ-นาทวี กลับเมืองคอน หลังแม่พาลูกสาวซึ่งเป็นดาวติ๊กต่อก ตัดต่อทำหนังสั้นเอง ขึ้นมาสอบสัมภาษณ์ที่ม.ศิลปากร ไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตที่อ.ทับสะแก เป็น 2 ใน 14 ศพจากอุบัติเหตุรถทัวร์มรณะ ป้ามารอรับศพเผยพ่อเด็กยังไม่ได้สติ เสียใจมากเพราะมีลูกสาวคนเดียว

第二の年金「年6回分配」
第二の年金「年6回分配」
Ad
みんなで大家さん
อุบัติเหตุ รถทัวร์โดยสาร สายกรุงเทพฯ-นาทวี ของบริษัทศรีสยามเดินรถ จำกัด พุ่งชนต้นไม้ข้างทาง เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 331-332 หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาล่องใต้นั้น มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 14 คน โดย 2 คนคือนางละมัย พูนเอียด อายุ 55 ปี และ น.ส.กัลยกร พูนเอียด หรือ “น้องดอกเข็ม” อายุ 18 ปี สองแม่ลูกชาว ต.นางหลง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช รวมอยู่ด้วย

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางณิชชาลี อายุ 49 ปี น้องสาวของนางละมัย ว่า นางละมัยกับน้องดอกเข็มได้เดินทางจากนครศรีธรรมราช มายังกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อพาน้องดอกเข็มมาสอบสัมภาษณ์ที่ ม.ศิลปากร และได้เดินทางกลับ อ.ชะอวด ในวันที่ 4 ธันวาคม 2566 เวลา 18.40 น. สาเหตุที่กลับรถทัวร์เนื่องจากสะดวก รถถึงบ้านที่ อ.ชะอวด หากกลับเครื่องบินต้องมีคนมารับที่สนามบิน ทำให้ลำบากเพราะบ้านพี่สาวอยู่ไกลออกไป คืนนั้น เมื่อพี่สาวขึ้นรถกลับไปตนก็โทรศัพท์ไปหาหลายครั้งแต่ไม่รับสาย จะสอบถามว่าถึงไหนแล้ว และโดยปกติเมื่อพี่สาวขึ้นรถเรียบร้อยก็จะโทรมาบอกแต่ครั้งนี้ไม่โทรตนก็ไม่ได้นึกเอะใจอะไร จนกระทั่งมาเห็นข่าวและตรวจสอบจึงทราบว่าพี่สาวกับหลานสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มันเป็นเหตุการณ์ที่เสียใจอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะหลานสาว น้องดอกเข็ม เป็นเด็กที่เก่งมาก ชอบถ่ายคลิปตัดต่อ ทำหนังสั้นลงติ๊กต่อก เขาเป็นดาวติ๊กต่อก มีคนติดตามผลงานตัดต่อของเขาจำนวนมาก

第二の年金「年6回分配」
第二の年金「年6回分配」
Ad
みんなで大家さん
"หลานสาวได้ทำหนังสั้นเกี่ยวกับปัญหาในบ้านเกิด ม.3 บ้านควนเถี๊ยะ ต.นางหลง อ.ชะอวด ส่งเป็นพอร์ตให้ ม.ศิลปากร เอกไอซีที ทำให้มหาวิทยาลัยศิลปากรได้เรียกมาสัมภาษณ์จึงเดินทางขึ้นมากับแม่ หลานสาวเป็นเด็กที่น่ารักและนิสัยดีมากๆ หลานเรียนอยู่ ม.6 โรงเรียนสตรีพัทลุง ส่วนพี่สาว นางละมัยเป็นแม่ค้าขายขนมจีนอยู่ในหมู่บ้าน พี่เขยสามีของพี่สาวเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.3 บ้านควนเถี๊ยะ ต.นางหลง อ.ชะอวด"
น้องสาวของนางละมัย บอกอีกว่า ตอนนี้ทางครอบครัวของพี่สาว ได้ไปรับศพของพี่สาวกับหลานสาวที่ รพ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ ซึ่งต้องขอบคุณทาง รพ.ทับสะแกที่ติดต่อประสานงานและดูแลดีมาก เรากำลังนำร่างของพี่และหลานสาวกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ ม.3 วัดบ้านควนเถี๊ยะ ต.นางหลง อ.ชะอวด ซึ่งจะต้องรดน้ำก่อนเที่ยงคืนคืนนี้ (5 ธันวาคม) เพราะเลยเที่ยงคืนจะเป็นวันพุธ คนโบราณเขาถือ ส่วนจะเผาวันไหนยังไม่ได้ตกลงกัน

นางธมลวัลย์ หลักชัย อายุ 54 ปี ป้าของ น.ส.กัลยากร ซึ่งดูที่เกิดเหตุ รอรับศพที่รพ.ทับสะแก กล่าวว่า น้องไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยศิลปากร เสร็จเรียบร้อย กำลังเดินทางกลับบ้าน ตอนนี้คุณพ่อน้องไม่มีสติ ไม่สามารถพูดคุยได้ เสียกำลังใจอย่างหนัก เพราะมีลูกสาวเพียงคนเดียว เห็นสภาพรถแล้วตกใจมาก น้องนั่งที่นั่งหมายเลข 6 นั่งติดกับแม่เลขที่นั่ง 5 รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะไปทั้งแม่และลูก คือการสูญเสียครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ แม่ลูกตั้งใจว่าจะทำขนมบัวลอย และไปกินกันเช้านี้ ซึ่งตนเองไปจัดการธุระเรื่องศพที่โรงพยาบาล ที่ที่ว่าการอำเภอทับสะแก และทรัพย์สินที่โรงพักห้วยยาง ส่วนข้อเรียกร้องต่างๆ ต้องรอให้พ่อของน้องตัดสินใจ

นอกจากนี้ มีผู้เสียชีวิตอีก 1 คน ชื่อน้องพลอย ทำงานอยู่ที่เทศบาลตำบลฉวาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถทัวร์มรณะคันดังกล่าว สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก

สำหรับรายชื่อผู้บาดเจ็บรักษาตัวที่โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์
1. น.ส.กฤติมาภรณ์ เจริญศรี อายุ 24 ปี
2. นายธวัชชัย ชมภู อายุ 29 ปี
3. นางจิระวรรณ สุขกาญ อายุ 49 ปี
4. น.ส.บุษรา ขุนโชติชู อายุ 23 ปี
5. นส.THIDAR MON (พม่า) อายุ 34 ปี
6. นาย YE ZAW OO (พม่า) อายุ 34 ปี
7. นายลุยโกโก (พม่า) อายุ 27 ปี
8. นายรชต คตชลน 43 ปี
9. น.ส.นพวรรณ จันทเลิศ 44 ปี
10. นายสมศักดิ์ มากเอียด อายุ 38 ปี
11. จ.ส.ท.นนทวัช ถิ่นทับไทย อายุ 26 ปี
12. น.ส.มนทิรา ทองคำ 27 ปี
13. นายวรวุฒิ เสนาวงษ์ 32 ปี
14. นายกิตติศักดิ์ คำหนูอินทร์ อายุ 43 ปี
15. น.ส.บิ๊วติ๊น พม่า อายุ 28 ปี
16. นายลาวิน (พม่า) อายุ 31 ปี
17.นายหมัดอาสัน หมัดแสะ อายุ 46 ปี
18. นายอนุชา บุญมาเลิศ อายุ 37 ปี
19. น.ส.มัสติกานต์ ทองคำ อายุ 24 ปี
20. น.ส.MYINT MYINT AYE (พม่า) อายุ 38 ปี

ขณะที่ผู้เสียชีวิตยืนยันตัวเลขจนถึง 18.00 น. จำนวน 14 ราย
1. ศาตนันหน์ เจริญศรี
2. กัลยากร พูลเอียด
3. ยุวดี สุวรรณอินทร
4. สมบูรณ์ เหล็มเนียม
5. พระอัฏฐ์ชานัช กะนะหาวงศ์
6. เชน
7. นายสุทธิรักษ์ ศิริมนตรี พนักงานขับรถ
8. ละมัย พูลเอียด
9. ศศิเกตุ
10. มัณฑนธาดา สุจริตธุระการ
11. อัญชลี แฝงจันดา
12. CHRRY OO
13. ศุภรัตนา เหตุทอง
14. มณฑิรา ดีมา
มีญาติมาระบุตัวและขอรับร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้วจำนวน 10 ราย ส่วนอีก 4 รายรอญาติเดินทางมาระบุอัตลักษณ์ ซึ่งศพทั้ง 4 เก็บไว้ที่ มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถาน อ.ทับสะแก

ไทยรัฐ
6 ธันวาคม 2566

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
สุรพงษ์ลงพื้นที่ตรวจจุดเกิดอุบัติเหตุรถร่วมฯ ตกข้างทาง อ.ทับสะแก พร้อมเยี่ยมผู้บาดเจ็บ-ย้ำพร้อมดูแลเต็มที่

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงศ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนางสาวระพิพรรณ วรรณพินทุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ รถโดยสารร่วมเอกชน ของ บริษัท ศรีสยาม เดินรถ จำกัด เสียหลักตกข้างทางบริเวณถนนเพชรเกษม กม.331 ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมได้เข้าเยี่ยมและส่งมอบกำลังใจให้ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลทับสะแก และโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคม มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้กำชับให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ร่วมกันดูแลให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารอย่างเต็มที่ โดยผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจะได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยตามสิทธิ ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำศูนย์ช่วยเหลือฯ อำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการคุ้มครองของประกันภัย ให้กับผู้โดยสารที่ประสบอุบัติเหตุ ณ โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง

นอกจากนี้ ได้สั่งให้ ขบ. และ บขส. ร่วมกับทางสภาวิศวกร สถาบันยานยนต์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ดำเนินการสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยทางเอไอทีจะส่งทีมสอบสวนอุบัติเหตุในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน การดำเนินการสอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เป็นการรวบรวมสถิติ และอุบัติเหตุเคสสำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นข้อเสนอแนะ ในการออกมาตรการและนโยบายของกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะเป็นการถอดบทเรียน เพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำอีกในอนาคต รวมทั้ง บขส. ได้เชิญ เอไอที เป็นที่ปรึกษา เพื่อประเมิน วิเคราะห์ ตรวจสอบ มาตรการเชิงปฏิบัติการ และความมั่นคงแข็งแรงของรถ Safety Audit ทั้งรถ บขส. และรถร่วมบริการทั้งหมด

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย และตั้งเป้าลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงฝากให้ บขส. และ ผู้ประกอบการรถร่วมทุกราย หมั่นตรวจเช็คความพร้อมของรถโดยสารอยู่เสมอ ก่อนนำมาให้บริการ รถโดยสารทุกคันต้องมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย อาทิ เข็มขัดนิรภัย ถังดับเพลิง ทางออกฉุกเฉินและค้อนทุบกระจก ติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทาง (จีพีเอส) เป็นต้น และแนะนำให้มีการตรวจสุขภาพพนักงานขับรถทุกๆ 6 เดือน เพื่อประเมินความพร้อมและสมรรถนะทางร่างกายของพนักงานขับรถ และให้กรมขนส่งทางบก พิจารณาปรับการทดสอบสมรรถนะทางด้านการขับขี่ของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ จาก 3 ปี เป็น 1 ปี และให้เน้นย้ำให้ผู้ขับขี่รถโดยสารปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนเพิ่มเติม โดยจะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางในการออกมาตรการด้านความปลอดภัย ในการขับขี่บนท้องถนน และมีผลบังคับใช้ก่อนถึงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่จะถึงนี้ด้วย

มติชน
6 ธันวาคม 2566

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
เสมียนร้านอาหารเผย คนขับสำรองที่เสียชีวิตรถทัวร์มรณะเพิ่งเลื่อนเป็นคนขับได้ 2 เดือน ก่อนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

กรณีเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสาร สายกรุงเทพฯ-นาทวี ของบริษัทศรีสยามเดินรถ จำกัด พุ่งชนต้นไม้ข้างทาง เหตุเกิดบนถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 331-332 หมู่ 7 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขาล่องใต้นั้น มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 14 ราย และสาหัส 2 คน

ล่าสุดทีมข่าวลงพื้นที่มายังร้านอาหารสุภาพชน จุดที่รถทัวร์คันที่เกิดเหตุเข้ามาจอดรถให้ผู้โดยสารทานข้าว เมื่อเวลา 24:00 น. ของวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา พบว่าเป็นจุดพักรถมีร้านอาหารและร้านของฝาก

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.ส้ม (นามสมมติ)อายุ 35ปี เสมียนร้านอาหารสุภาพชน บอกกับผู้สื่อข่าวว่าปกติแล้วรถทัวร์คันที่เกิดเหตุจะเข้ามาร้านอาหารแห่งนี้ 2 วันครั้ง ไม่ได้มาทุกวัน จะแวะจอดให้ผู้โดยสารทานข้าวที่นี่เป็นประจำ ซึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุทางรถทัวร์ก็ได้แวะพาผู้โดยสารเข้ามาทานข้าวตามปกติ ซึ่งจะมีผู้โดยสารทยอยลงมาทานข้าวเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้คนขับรถหลักและคนขับรถสำรองไม่ได้ลงมามาทานอาหาร มีแต่บริกรที่ลงมาเขียนบินอาหารของผู้โดยสารเท่านั้น ซึ่งคนขับรถสำรองที่เสียชีวิตนั้น ที่ผ่านมาเคยเป็นบริกรมาก่อน เพิ่งจะเลื่อนตำแหน่งได้เป็นคนขับรถเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ยอมรับรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมายังเคยพูดคุยกับพนักงานขับรถและบริกรอยู่เลย จึงรู้สึกใจหายกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

ขณะที่ ผกก.สภ.ห้วงยาง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าพนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อหาคนขับรถทัวร์มรณะ 14 ศพ ยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะนี้ยังอาการสาหัส และต้องรอให้พูดคุยได้ก่อน จึงจะมีการสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Amarin TV News
7 ธค 2566

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
จนท.ตรวจจุดเกิดเหตุ ทัวร์มรณะ14ศพ พบถนนไม่มีรอยเบรก เผย10ปีก่อน สังเวย12ศพ ลืออาถรรพ์ตัวเลข ชาวบ้านเชื่อ ยอดคนตาย ตรงทะบียน-เลขข้างรถ

วันที่ 8 ธ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีอุบัติเหตุ รถทัวร์โดยสารประจำทางของ บริษัท ศรีสยามเดินรถ จำกัด (กรุงเทพฯ-นาทวี) ยี่ห้อ วอลโว่ สีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน 14- 3301 กรุงเทพมหานคร เสียหลัก ลงไหล่ทางชนกับต้นไม้ขนาดใหญ่ บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ กม.331+450 ด้านซ้ายทาง (ไหล่ทาง) หน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์

โดยมีผู้โดยสารทั้งหมด 49 ราย รวมพลขับ โดยสารมากับรถทัวร์คันดังกล่าว มีผู้เสียชีวิต 14 ราย ผู้โดยสารที่เหลืออีก 35 ราย ได้รับบาดเจ็บ กระจายรักษาตัวที่โรงพยาบาลทับสะแก และโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 00.20 น.วันที่ 5 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด คงเหลือผู้ป่วยรักษาตัวที่ โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ 14 ราย ที่เหลือกลับบ้านหมดแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 14 ราย ญาติมาติดต่อรับร่างซึ่งเก็บรักษาไว้ชั่วคราวที่มูลนิธิสว่างรุ่งเรืองธรรมสถานทับสะแก กลับภูมิลำเนาเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลครบทั้งหมดแล้วเช่นกัน

มีรายงานว่า แขวงทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) พร้อมด้วย หมวดทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ สำนักงานขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากกรมการขนส่งทางบก อีกหลายหน่วยงาน ร่วมกันลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อตรวจจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด

โดยดำเนินการตรวจวัดระยะทาง จากบริเวณทางแยกหน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ไปจนถึงต้นไม้ใหญ่จุดเกิดเหตุ ระยะทางประมาณ 60 เมตร วัดระยะทางที่ล้อรถทัวร์ตกจากไหล่ทางเหยียบหญ้าจนถึงต้นไม้ รวมทั้งร่องรอยอื่นในจุดเกิดเหตุอย่างละเอียด แต่สิ่งสำคัญเจ้าหน้าที่ร่วมกันค้นหาร่องรอยบนพื้นถนนบริเวณจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ไม่พบร่องรอยของการเบรกรถเป็นทางยาวตามลักษณะที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด

นอกจากนี้ แขวงทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) ยังได้รวบรวมข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงในพื้นที่ ย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562 - 2566 ระหว่าง กม.329+450 –กม. 334+450 พบว่า บริเวณหลักกิโลเมตรที่เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ชนต้นไม้ใหญ่ กม.331+450 จนมีผู้เสียชีวิต 14 ราย จุดนี้เกิดเหตุขึ้นเป็นครั้งแรก พื้นที่ใกล้เคียงก่อนถึงจุดเกิดเหตุเป็นยูเทิร์นและเนินยาว ความชัน 2% ซึ่งไม่เยอะ พื้นที่มีไฟส่องสว่างเป็นช่วง ๆ ด้านข้างถนนมีต้นไม้ใหญ่ตลอดแนว แต่ไม่มีมุมอับบดบังทัศนวิสัย

ซึ่งจากข้อมูลที่รวบรวมได้ พบว่าถนนเพชรเกษมช่วง ต.ห้วยยาง (หนองหมู-ห้วยยาง) เป็นเส้นทางตรงยาว เคยเกิดอุบัติเหตุอยู่หลายที่ แต่ไม่ใช้จุดเดียวกัน เมื่อประเมินข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ในแง่วิศวกรรมทางถนน ถือว่าปกติและมีความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้มีการสรุปสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริง จนถึงขณะนี้ยังคงเป็นการรวบรวมข้อมูลทุกมิติ เพื่อนำไปวิเคราะห์สาเหตุร่วมกับหน่วยงานต่างๆ

ด้านนายฉอ้อน ฝักเล็ก อายุ 67 ปี ซึ่งประกอบธุรกิจรถยกชื่อ ฉอ้อนรถยก มานานกว่า 40 ปี ให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณปี 2554 ใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุห่างกันไม่เกิน 50 เมตร เคยมีอุบัติเหตุรถทัวร์ 999 ชนรถ 6 ล้อ จนมีผู้เสียชีวิต 12 ราย และต่อมาอีกประมาณ 1 ปีกว่า ๆ มีอุบัติเหตุเป็นรถตู้ลงข้างทาง เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย โดยเส้นทางในบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นถนนฝั่งขาล่องใต้ มีแนวเขตของอุทยานแห่งชาติหาดวนกร เชื่อมต่อกับที่ดินชาวบ้าน

ทำให้ไม่ค่อยมีบ้านเรือนมากนัก ตลอดเส้นทางจึงมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ร่มรื่นตลอดทาง ชาวบ้านน่าจะชินแล้วเวลามีอุบัติเหตุ คงไม่น่าจะกลัวมากนัก สำหรับอุบัติเหตุ 12 ศพ ก็เกิดขึ้นนานกว่า 10 ปีแล้ว ในฐานะที่ตนเองทำงานเกี่ยวกับอุบัติเหตุ มานานกว่า 40 ปี ทำให้เห็นอุบัติเหตุบ่อย ส่วนตัวมองว่า สาเหตุหลักคือ ความประมาทเป็นหลัก แต่ต้องยอมรับว่า อุบัติเหตุรถทัวร์ 14 ศพ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นอุบัติเหตุใหญ่ที่สุดในรอบ 40 ปีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม สำหรับบรรยากาศที่บริเวณต้นพะยอมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นจุดเกิดเหุตที่รถทัวร์พุ่งชน จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารเสียชีวิต 14 ราย และบาดเจ็บ 35 รายนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ต้นพะยอมยังคงยืนต้นตรง อย่างสวยงาม มีเพียงร่องรอยเปลือกหุ้มต้น ที่หลุดร่อนออกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้กระทบกระเทือนถึงเนื้อไม้ด้านในแต่อย่างใด

ขณะที่พื้นดินโดยรอบต้นพะยอม พบว่า มีร่องรอย ก้านธูป จำนวน 5 ดอก และ 1 ดอก ที่ญาตินำมาปักไว้เป็นจุด ๆ พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ จำพวกก๋วยเตี๋ยว น้ำดื่ม ฯลฯ เพื่อประกอบพิธีเพื่อเชิญวิญญาณลูกหลานที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต กลับบ้านไปบำเพ็ญกุศลตามความเชื่อส่วนบุคคล มีชาวบ้านบางส่วนเชื่อว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ อาจมีอาถรรพ์รวมอยู่ด้วย เนื่องจากจำนวนผู้เสียชีวิต 14 ราย ตรงกับเลขทะเบียนรถ 14- 3301 กรุงเทพมหานคร และหมายเลขข้างรถ คือ 9914-1 พอดี

8 ธ.ค.2566
ข่าวสด