ผู้เขียน หัวข้อ: สาวเบ่งคลอดเลือดออกสมอง ขอเยียวยา 2.5 ล้าน หมอระบุ ไม่สามารถจ่ายได้  (อ่าน 22 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
กรณีสาวท้องมาคลอดที่รพ.หัวหิน สามีเซ็นให้ผ่า แต่วันที่จะผ่าหมอไม่อยู่ สุดท้ายต้องเบ่งคลอดเอง จนมีเลือดออกสมองแขนขาซีกซ้ายอ่อนแรง ครอบครัวขอค่าเยียวยาจากรพ. 2.5 ล้าน ล่าสุด รอผอ.บอกไม่สามารถจ่ายได้ เนื่องจากไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ให้กระทำในส่วนนี้ได้

จากกรณี นายจเรวัฒน์ แก้วขาว อายุ 57 ปี ได้ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐว่า นางสุชาดา ใจเนียน อายุ 46 ปี ชาว อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ภรรยาของตน ได้คลอดลูกที่โรงพยาบาลหัวหิน เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2566 ไม่มีแรงเบ่ง คลอดเองไม่ได้ สามีเซ็นยินยอมให้หมอผ่า แต่หมอผ่าคลอดเดินทางไปกรุงเทพฯ มีแต่พยาบาล ทำให้ต้องพยายามเบ่งโดยการเร่งยา ส่งผลให้เส้นเลือดสมองแตก แขนขาซีกซ้ายอ่อนแรง เดินไม่ได้ ปัจจุบันยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวหิน สามีแจ้งว่าทางโรงพยาบาลจะให้ออกจากโรงพยาบาล ไม่มีการช่วยเหลือเยียวยาจากการทำคลอดผิดพลาด ครอบครัวเดือดร้อนมาก สามีต้องออกจากงานมาเฝ้าคนป่วย ต้องจ้างคนเลี้ยงลูกเล็ก ที่ต้องกินแต่นมผง

ล่าสุดวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ที่โรงพยาบาลหัวหิน นายจเรวัฒน์ แก้วขาว กล่าวว่า ตอนนี้โรงพยาบาลได้ช่วยเหลืออย่างเดียว คือให้การรักษา แต่ค่าเยียวยาหลังออกจากโรงพยาบาล เขาไม่มีให้ หมอบอกว่า น.ส.สุชาดาสามารถคลอดเองได้ แต่เวลาคลอดหมอใหญ่ไม่อยู่ หมออยู่กรุงเทพฯ เหลือแต่พยาบาลสองคน กับนักศึกษาให้ทำคลอด พยาบาลบอกผมว่าแฟนคุณมดลูกลอย เด็กหัวลอย เขาเลยอัดยาเข้าไป พอเวลาเบ่ง เลือดมันแตก “แน่นอนเวลาทำคลอดผมเซ็นยินยอมให้ผ่าหมดแล้วนะ เซ็นผ่าคลอด ผ่าทำหมัน ผมเซ็นหมดเลย ถ้าคลอดไม่ได้ให้ผ่าเลย หมอก็ไม่ยอมผ่า เหตุการณ์เป็นแบบนี้ แล้วตอนนี้คนไข้เรียกค่าเสียหาย 14 ปี จนคนไข้อายุถึง 60 ปี เดือนละ 15,000 บาท เรียกไป 2,520,000 บาท แต่ทางโรงพยาบาลไม่รับผิดชอบอะไรเลย”

นายจเรวัฒน์ กล่าวอีกว่า “ตอนนี้คือรักษาตามขั้นตอน คือผมอยากจะกลับบ้านแล้ว จะพาเมียกลับไปกายภาพบำบัดที่บ้าน ตอนนี้ค่าใช้จ่ายผมไม่มีแล้ว ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเลี้ยงลูก 18,000 บาทต่อเดือน และค่าบ้านอีก 6,000 บาท ยังไม่ได้จ่าย อยู่โรงพยาบาลมาตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2566 จนตอนนี้ยังไม่ได้กลับบ้านเลย ค้างค่าเช่าไว้ แต่ในหลักฐานที่ประชุมครั้งแรก ที่เขาเขียนว่าตกลงให้ 2,520,000 บาท เขาก็เฉย ผมเอาเท่านี้ เรียกร้องเอาเท่านี้พอ อย่างอื่นไม่เอาแล้ว ผมจะกลับไปรักษา หายหรือไม่หายก็ตามเวรตามกรรมแล้ว คือเราเรียกค่าแรงอย่างเดียว จนคนไข้ถึงอายุ 60 ปีพอแล้ว ผมจะไม่เอาอะไรอีก ตอนนี้ทางโรงพยาบาลไม่ช่วยอะไรเลย”

ทางด้าน นพ.วิชัย ศรีอุทารวงศ์ รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาระบบบริการและสนับสนุนบริการสุขภาพ โรงพยาบาลหัวหิน กล่าวว่า กระบวนการคลอดกระทำไปตามหลักวิชาการ ซึ่งผู้ป่วยได้ฝากครรภ์ไว้กับทางโรงพยาบาลหัวหิน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม เวลา 06.15 น. ได้เดินทางมาโรงพยาบาลด้วยอาการเจ็บครรภ์ระยะต้น มีมดลูกเปิด 3 ซม. ซึ่งการคลอดปกติ ต้องมีมดลูกเปิด 10 ซม. จึงได้ให้ยากระตุ้นการคลอด และคลอดในเวลา 12.59 น. ของวันเดียวกัน หลังจากคลอด คนไข้มีเลือดออกในสมอง ทางโรงพยาบาลจึงได้ทำการผ่าตัดในเวลาต่อมา ผลการรักษาทำให้ร่างกายซีกซ้ายไม่มีแรง ส่วนประเด็นที่ว่าทำไมทางโรงพยาบาลไม่ทำการผ่าตัดคลอด และให้ออกจากโรงพยาบาลนั้น จากกระบวนการตามหลักวิชาการทางแพทย์ ได้วินิจฉัยแล้วว่าคนไข้สามารถเบ่งคลอดเองได้ ไม่มีข้อห้ามในการเบ่งคลอด เช่น ไม่มีโรคความดันโลหิตสูง อีกทั้งทางโรงพยาบาลไม่ได้ให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล แต่ตามอาการคือสามารถไปทำการฟื้นฟูต่อที่บ้านได้แล้ว ทางด้านสามีเลยร้องเรียนขอรับการเยียวยาจากการคลอดดังกล่าวต่อคณะกรรมการไกล่เกลี่ย เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา

"การเยียวยาขณะการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น ผู้ป่วยใช้สิทธิการคลอดของประกันสังคมวงเงิน 15,000 บาท โดยผู้ป่วยจะต้องสำรองจ่ายก่อน แต่ทางโรงพยาบาลได้รับผิดชอบในส่วนนี้โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องสำรองจ่าย ส่วนค่ารักษาและค่าผ่าตัด รวมถึงอุปกรณ์ ทางโรงพยาบาลดูแลให้ความอนุเคราะห์ทั้งหมด โดยได้ประสานกับงานสังคมสงเคราะห์ให้การช่วยเหลือตามสิทธิที่จะได้รับ กรณีที่ออกจากโรงพยาบาลไปพักรักษาตัวที่บ้าน ทางโรงพยาบาลจะประสานกับ พม.ในพื้นที่ ในการเยี่ยมบ้านและช่วยเหลือตามสิทธิ รวมถึงการยื่นเรื่องขอรับสิทธิจากประกันสังคม ส่วนประเด็นที่ทางสามีขอรับการเยียวยาจากโรงพยาบาล โดยเรียกร้องค่าเยียวยารายเดือน เดือนละ 15,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 14 ปี รวมเป็นเงิน 2,520,000 บาทนั้น ทางโรงพยาบาลไม่สามารถดำเนินการในส่วนนี้ได้ เนื่องจากไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ที่จะกระทำในส่วนนี้” นพ.วิชัยกล่าว

นพ.พันภูมิ ชูชัยมังคลา แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดรักษาเส้นเลือดสมองแตก กล่าวว่า เคสนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะในกรณีการทำคลอดแบบธรรมชาตินั้นมีโอกาสที่จะเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตกได้น้อยมาก ถ้าเทียบกับการผ่าตัดคลอด จะมีเพียง 12.2 ต่อ 100,000 คน ที่จะมีภาวะเส้นเลือดสมองแตก อีกทั้งอายุที่มากขึ้น ก็ส่งผลต่อปัจจัยนี้เช่นกัน ซึ่งจากผลการวิจัยในปัจจุบัน จะพบว่าจริงๆ แล้ว การผ่าคลอดนั้นจะมีความเสี่ยงทำให้เลือดออกมากกว่าการคลอดแบบธรรมชาติ.


www.thairath.co.th
4 ตค 2566