ผู้เขียน หัวข้อ: การแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเที่ยงตรง  (อ่าน 681 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด


วันที่ 6 กันยายน 2566 ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เปิดเผยที่ห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 โดยกล่าวว่า “ส่วนที่ห่วงคือเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตอนนี้ เพราะเป็นฤดูกาลโยกย้ายพอดี ทราบกันดีว่าเรื่องพวกนี้มักมีเกิดขึ้นอยู่ตลอด ไม่ใช่แค่ช่วงนี้ รัฐบาลไหนก็ตามที ผมอยากจะเน้นย้ำข้าราชการเป็นภาคส่วนซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการขับเคลื่อนประเทศ เขาทำงานมาตลอดชีวิต อยากได้ความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน การปูนบำเหน็จก็ขออยากให้เป็นธรรมด้วยผลงาน ไม่ใช่จากการซื้อขายตำแหน่ง”

นายก ย้ำ แต่งตั้งโยกย้ายต้องเป็นธรรม ขอเวลาพิสูจน์ตัวบริหารราชการ(6 กย 2566)
...

....การแต่งตั้งโยกย้าย นอกจากจะต้องเป็นธรรมต่อข้าราชการ(ผู้เป็น candidate)แล้ว ต้องคำนึงถึงบุคลากร และประชาชน ด้วย...

การแต่งตั้งโยกย้ายในกระทรวงสาธารณสุข เราขอให้ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเที่ยงตรง... ผู้มีอำนาจต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการแต่งตั้งโยกย้ายด้วย

ธรรมาภิบาล ( Good Governance)
1. หลักคุณธรรม
2. หลักนิติธรรม
3. หลักความโปร่งใส
4. หลักความมีส่วนร่วม
5. หลักความรับผิดชอบ
6. หลักความคุ้มค่า


"ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และผู้อำนวยการโรงพยาบาลต้องเป็นคนดี มีความสามารถ มีความรับผิดชอบสูง....
....อย่าปล่อยให้สร้างความเสียหาย อย่าปล่อยให้บุคลากรและประชาชนรับกรรม โดยที่ผู้ลงนามแต่งตั้งโยกย้ายไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ
"


สมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/ทั่วไปฯ
12 กันยายน 2566


การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุขไม่ควรเป็นข่าวเช่นนี้
http://www.thaihospital.org/board2/index.php?topic=30756.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 กันยายน 2023, 23:45:23 โดย story »

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9753
    • ดูรายละเอียด
วันนี้ (25 กันยายน 2566) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า โดยตอนหนึ่งของการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญกับการแต่งตั้งโยกย้ายด้วยความเป็นธรรม

ทั้งนี้นายกฯ ยืนยันว่า ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก โดยจะพยายามให้ความเป็นธรรมให้มากที่สุด และขอความร่วมมือกับหัวหน้าส่วนราชการฯ ทุกคนช่วยกันดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจังด้วย

สำหรับการประชุมครั้งนี้ นายกฯ ได้แจ้งต่อหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงาน ว่า ทุกนโยบายที่รัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภาในการบริหารราชการแผ่นดินต้องทำให้เกิดขึ้นได้จริง โดยเฉพาะในระยะเร่งด่วนนี้ ขอให้ทุกคนพิจารณาสิ่งที่ทำได้ทันทีก่อน โดยเฉพาะในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วน การลดค่าครองชีพ เพิ่มรายได้ทั้งเกษตรกร พ่อค้าแม่ค้า

เช่นเดียวกับการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้ฟื้นตัวและกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทน รวมทั้งแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชัน และการแก้ไขปัญหายาเสพติด

ส่วนในระยะกลางและระยะยาวนั้น นายก ฯ ขอให้หัวหน้าส่วนราชการฯ วางรากฐาน และโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้กับประเทศ การทลายข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ปิดกั้น การพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ รวมทั้งการสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การปฏิรูปการศึกษา

รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนที่ครอบคลุมในทุกมิติ ตลอดจนการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามนโยบายรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของทั่วโลกในปัจจุบันและอนาคต
นายกฯ ยังได้ระบุถึงการที่ได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัด เพื่อรับทราบประเด็นปัญหา และแนวทางการพัฒนา ทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล รวมทั้งยังได้รับทราบความก้าวหน้าของโครงการต่าง ๆ และได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากภาคส่วนต่าง ๆ และประชาชน โดยได้มอบนโยบายในการแก้ไขปัญหา ปลดล็อกข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค

รวมทั้งในคราวการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา นายกฯ ยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนโยบายไปดำเนินการหลายเรื่อง จึงขอให้ทุกส่วนราชการดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสม รวดเร็ว ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวหน้า ประชาชนทั่วประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมขอเป็นแรงใจให้หัวหน้าส่วนราชการฯ ทุกคนทำภารกิจตามหน้าที่ความรับผิดชอบให้สำเร็จลุล่วงตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

ภายหลังการประชุมฯ นายกฯ ได้มอบของที่ระลึกแก่หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2566 พร้อมร่วมรับประทานหารกลางวันกับคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าด้วย

สำหรับหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าที่ครบเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2566 มีจำนวน 10 ราย ประกอบด้วย

นายธนากร บัวรัษฏ์ ผู้อานวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
พลเอก สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
นายสิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน
นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน
นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
นายปวัตร์ นวะมะรัตน เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
นายขจิต ชัชวานิตย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร

Thansettakij
25กย2566