แม่เล่าทุกช็อต ใจสลายแล้ว ส่งลูก 4 ขวบรักษา กลับฉีด ยาใช้พ่น เข้าเส้นเลือด เกือบเสียลูก วอน รพ.รับผิดชอบค่าสินไหมที่ทนายยื่นไป เช็กบุคลากรให้ดี พยาบาลพาร์ตไทม์ที่ทำผิด ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงวันนี้ไม่เคยพบหน้า
จากกรณีที่โลกออนไลน์แชร์เรื่องราวคุณแม่รายหนึ่งขอความเป็นธรรมให้ลูกน้อย ซึ่งเป็น ลูกชายวัย 4 ปี เข้ารักษาใน รพ.เอกชนชื่อดัง จ.ตรัง 1 คืน ด้วยอาการไข้หวัดธรรมดา แต่หมอและพยาบาลฉีดยาผิดประเภท โดยเอายาพ่นฉีดเข้าเส้นเลือด เด็กมีเลือดออกทางปาก ช็อก ตาลอย อาการสาหัส
ต่อมา โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2566 ยืนยันว่า ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ปรากฏในข่าว ขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวผู้ป่วย และขอให้ผู้ป่วยกลับมาสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม น.ส.สุพินญา อายุ 35 ปี แม่ของ ด.ช.วัย 4 ปี ระบุว่า วันที่ 21 มิ.ย.66 ลูกชายมีอาการไข้หวัดและไอจึงพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ตรัง จากนั้นวันที่ 22 มิ.ย.66 พยาบาลนำยามาฉีดให้น้อง 1 เข็ม แจ้งว่าเป็นยาอะดรีนาลีน 2 มิลลิกรัม ฉีดเพื่อขยายหลอดลม แต่หลังจากฉีดเข้าไปแล้วน้องมีอาการช็อก ตัวเกร็ง มีเลือดออกทางปาก ฉี่ราด และไม่ค่อยได้สติ
จากนั้นส่งตัวน้องไปห้องฉุกเฉินนานประมาณ 4-5 ชั่วโมง คุณหมอบอกว่าน้องอาการไม่ดีขึ้น จำเป็นต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลประจำจังหวัด ซึ่งมีเครื่องมือที่พร้อมกว่า ตอนนั้นคุณหมอแจ้งอาการของน้องว่ามีน้ำท่วมในปอด ยาตัวนี้อาจไปทำให้แพ้ยารุนแรง และระหว่างอยู่ในรถพยาบาลก็จะมีเครื่องช่วยหายใจแบบปั๊ม เมื่อปั๊มแต่ละทีก็มีเลือดกระฉูดออกมาตลอดเวลา แม้มีผ้าสีขาวที่ปิดหน้าอกน้องไว้ แต่ก็เปื้อนเลือดเต็มไปหมด เมื่อไปถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดคุณหมอก็แจ้งอาการน้องเพิ่มมาอีกอย่างคือ มีเลือดออกในปอด ไม่ใช่น้ำ
น้องแอดมิตอยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด 1 คืน พยาบาลบอกว่าน้องอาการทรุดตัวหนัก จำเป็นต้องส่งไปโรงพยาบาลศูนย์ที่ภาคใต้ เมื่อไปถึงคุณหมอก็แจ้งเพิ่มว่าน้องมี 3 อาการ คือหัวใจวายเฉียบพลัน มีเลือดออกในปอด และปอดข้างขวาทะลุ จากนั้นน้องรักษาตัวอยู่ในไอซียูนานถึง 12 วัน
ระหว่างรักษาลูกมีโรคแทรกซ้อนขึ้นมาอีก 8 อาการ ทั้งหัวใจวายเฉียบพลัน มีเลือดออกในปอด อะดรีนาลีนเกินขนาด ภาวะทางเดินหายใจติดเชื้อ โพแทสเซียมสูง สายตาเอียง กล้ามเนื้อหัวใจหดตัวไม่ดี ปอดข้างขวาทะลุและฮอร์เนอร์
หลังจากนั้น โรงพยาบาลแรก ชี้แจงว่า คุณหมอสั่งยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์และระบบคอมพิวเตอร์รวน คุณหมอสั่งเป็นพ่นยาให้น้อง แต่ในระบบไปติ๊กให้เป็นฉีด พยาบาลจึงเอายามาฉีดให้น้อง ทำให้ยาตัวนี้เกินขนาดไป
น.ส.สุพินญากล่าวอีกว่า ถ้าเป็นพยาบาลวิชาชีพ หรือพยาบาลชำนาญการจะทราบว่าอะดรีนาลีน 2 มิลลิกรัมฉีดเข้าเส้นเลือดไม่ได้ เพราะอันตรายมาก แต่พยาบาลคนที่มาฉีดให้น้องเป็นพยาบาลพาร์ตไทม์ ไม่ใช่พยาบาลวิชาชีพ ไม่ใช่พยาบาลชำนาญการ แล้วก็ไม่ใช่พยาบาลของโรงพยาบาลด้วย ทางโรงพยาบาลเพิ่งจะมาแจ้งตนตอนน้องอาการดีขึ้นแล้ว ทั้งที่ผ่านมาระหว่างที่รักษาตัวน้องตนก็ถามทางโรงพยาบาลมาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้แต่บอกว่าเดี๋ยวรอน้องอาการดีขึ้นก่อนแล้วค่อยชี้แจงทีเดียว
ตอนแรกลูกเราป่วยแล้วเอาลูกไปรักษาเพื่อที่จะให้ลูกหาย แต่กลับกลายเป็นว่าเกือบเสียลูกไป แล้วก็ได้อีก 8 อาการเพิ่มมา ความรู้สึกของแม่ตอนนั้นคือใจสลายไปแล้ว คิดว่าไม่ได้ลูกกลับคืนมาแล้ว เพราะอาการน้องที่เห็นตอนนั้นคือหนักมาก
หลังจากน้องออกมาจากไอซียูก็มีผลข้างเคียง คือกล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจหอบง่าย มีนอนผวากลางคืนก็จะสะดุ้ง และครึ่งฝั่งขวาของใบหน้าระบบประสาททำงานบกพร่อง ไม่มีเหงื่อออก ไม่มีเลือดหมุนเวียน หนังตาตก และรูม่านตาหดตัวลงไป แม่เล่า
แม่เด็กบอกอีกว่า สำหรับการรับผิดชอบ โรงพยาบาลได้ติดต่อมาขอตัวน้องไปดูแลต่อจนหาย และรักษาฟรี 2 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมทั้งเงินค่าทดแทนสินไหมอยู่ที่กว่า 870,000 บาท แต่ครอบครัวไม่ได้รับข้อเสนอไว้ เพราะประเมินจากอาการน้องระยะยาวและอาการที่เกิดอยู่ในช่วงระหว่างที่อยู่ไอซียูหนักมาก
จำนวนเงินที่โรงพยาบาลเสนอมา คิดว่าถ้าต้องดูแลน้องไปยาวๆ ตนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าน้องจะเกิดอะไรขึ้น หรือเป็นอะไรในอนาคตหรือไม่ เพราะน้องเพิ่งผ่านวิกฤตรุนแรงไปกับปอดและหัวใจซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ
ด้านสภาพจิตใจของน้องหลังจากออกจากไอซียู แม่เผยว่า น้องกลายเป็นเด็กขี้น้อยใจ บางครั้งก็จะมีอารมณ์รุนแรง สันนิษฐานว่าตอนอยู่ไอซียูมีการมัดมือมัดเท้าน้องไว้ และน้องไม่เคยห่างพ่อแม่แล้วต้องไปอยู่ในไอซียูคนเดียว น้องอาจมีสภาพจิตใจที่แย่ในจุดนั้น ส่วนสภาพจิตใจของทางครอบครัวตอนนี้ก็ยังมีความกังวลว่าน้องจะกลับมาเป็นปกติไหม น้องจะหายไหม และในอนาคตน้องจะเป็นยังไง ก็ยังมีความหวาดกลัวกันอยู่
อยากให้โรงพยาบาลช่วยดูเรื่องค่าสินไหมที่ทนายของครอบครัวได้ยื่นไป เพราะว่าเป็นความรับผิดชอบของโรงพยาบาล ตอนนี้น้องยังอยู่ในความดูแลของครอบครัว อนาคตไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น อยากให้ทางโรงพยาบาลช่วยดูในจุดนี้
อยากฝากถึงเรื่องระบบการสั่งจ่ายยาและบุคลากรที่นำมาปฏิบัติงานในโรงพยาบาล อยากให้ช่วยดูแลให้ดีกว่านี้ อยากให้ตรวจสอบให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์มาดูแลผู้ป่วย จะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดแบบนี้อีก เพราะพยาบาลคนที่ฉีดยาให้น้อง ตั้งแต่วันเกิดเรื่องก็ไม่เจอพยาบาลคนนั้นอีกเลย
มติชน