ผู้เขียน หัวข้อ: รพ.แจง สาวคลอดลูกแต่ชีวิตพัง แผลไม่สมาน ยันไม่นิ่งดูดาย อยู่ระหว่างการรักษา  (อ่าน 88 ครั้ง)

story

  • Staff
  • Hero Member
  • ****
  • กระทู้: 9742
    • ดูรายละเอียด
โรงพยาบาลชี้แจง กรณีสาวไปคลอดลูกแต่ชีวิตพัง แผลไม่สมาน ทรมานนานเกือบ 9 เดือน แถมสามียังขอเลิก ยัน โรงพยาบาลไม่นิ่งดูดาย ยังอยู่ในขั้นตอนของการรักษา

วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 จากกรณีที่มีหญิงสาวรายหนึ่งร้องสื่อโซเซียล โดยอ้างว่าคลอดใน รพ.แห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.เชียงราย แต่ในการรักษาได้เกิดการผิดพลาด จนต้องย้ายลำไส้ออกมาไว้ที่หน้าท้อง ต้องใช้ชีวิตสุดแสนลำบากมานานเกือบ 9 เดือน แถมสามีที่เคยเป็นเสาหลักก็ตีตัวออกห่าง ทำให้ไม่มีรายได้ ต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง รพ.ที่รักษาก็ช่วยเงินมาแค่ 2 หมื่นบาท ทุกวันนี้อาศัยช่วยงานขายของหน้าร้านช่วยพี่สาวและพี่เขยพอประทังชีพได้ แต่ห่วงลูกที่โตมาทุกวัน วอนขอความช่วยเหลือ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ น.ส.เบญจมาศ หรือ แนน อายุ 27 ปี บ้านอยู่ในพื้นที่ ม.1 ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เล่าว่า ตนเองเป็นชาว จ.ชลบุรี ก่อนหน้านี้ได้ไปทำงานที่โรงงานอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ และได้คบกับแฟนชาว จ.เชียงราย ต่อมาเกิดภาวะการแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงพากันย้ายไปอยู่ที่บ้านแฟนที่เชียงราย จนกระทั่งตนตั้งครรภ์ และไปคลอดที่ รพ.ในตัวอำเภอ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 โดยเลือกคลอดแบบธรรมชาติ แต่การคลอดต้องมีการกรีดแผลเย็บเพื่อขยายช่องคลอด แต่หลังการคลอดแผลเย็บเกิดแตก ทาง รพ.จึงส่งไปรักษาต่อเพื่อแก้แผลเย็บที่ รพ.ในตัวเมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2565

ต่อมาในการรักษาต้องนำลำไส้ออกมาทางหน้าท้อง ซึ่งในระหว่างการรักษาทาง รพ.ก็มีการระดมเงินมาช่วยเบื้องต้นเพียง 20,000 บาท และไม่มีการช่วยเหลืออย่างอื่นอีก ต่อมาทางสามีก็มาขอเลิกราไปคบกับคนอื่นอีก ทำให้ทุกวันนี้ต้องอยู่อย่างลำบาก จากที่คิดว่าจะมีคนที่ก้าวไปพร้อมกันในวันที่ยากลำบาก ก็กลับกลายว่าต้องสู้เพียงลำพัง

ตอนนี้ตนย้ายกลับมาอยู่ที่ จ.ชลบุรี แล้ว แต่จะไปทำงานหนักก็ไม่ได้ เพราะจะกระทบกับบาดแผล รายได้แทบไม่มี ค่าใช้จ่ายก็เยอะ เพราะลูกก็โตมาทุกวัน ตอนนี้ตนมาอาศัยช่วยงานที่ร้านพี่สาว ได้รายได้จากการขายของ บางวันขายได้เยอะก็ได้วันละ 300 บาท แต่ถ้าขายได้น้อยก็จะได้ 200 บาท ก็พอจะแบ่งเบาเป็นค่านม ค่าของใช้ลูกได้บ้าง ส่วนลูกตอนนี้อายุเกือบจะ 9 เดือนในเดือนหน้าแล้ว ก็เลยอยากทวงถามความรับผิดชอบจากทางโรงพยาบาลที่รักษาตนจนมามีอาการอย่างทุกวันนี้ บางครั้งก็อยากจะฟ้องร้องอดีตสามีที่ทิ้งขว้างตนในเวลาลำบาก

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามเรื่องดังกล่าวกับ พญ.อัมพวัน ศรีครุฑรานันท์ ผอ.รพ.พญาเม็งราย กล่าวว่า ตนได้รับทราบปัญหาของน้องผู้หญิงตามที่ปรากฏตามข่าว ก่อนอื่นต้องแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัว และอยากจะขอชี้แจงในเรื่องกระบวนการรักษาที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวน้องผู้หญิงที่ปรากฏตามข่าวได้มาคลอดที่ รพ.พญาเม็งราย เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ซึ่งได้คลอดแบบธรรมชาติ แต่ได้มีการผ่าแผลเย็บเพื่อขยายช่องคลอด


แต่ปัญหาสำหรับผู้ป่วยรายนี้ก็คือ พบการติดเชื้อหลังการรักษา ทำให้แผลไม่สมานกัน ซึ่งในแนวทางการรักษาจะต้องยกลำไส้ให้ออกมาที่หน้าท้อง เพื่อไม่ให้กระทบกับการสมานแผลที่อยู่ใกล้กับรูทวาร ซึ่งในระยะเวลาการรักษา จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน เมื่อบาดแผลเย็บสมานกันแล้ว ก็จะนำลำไส้กลับมาวางไว้ตำแหน่งเดิม

ผู้ป่วยรายนี้ ทาง รพ.พญาเม็งราย ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย มีการระดมเงินจากบุคลากรใน รพ. ได้ประมาณ 20,000 บาท เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้เป็นค่าเดินทางไปรักษาตัวที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ และโทรติดตามอาการของคนไข้โดยตลอด และมีการส่งของใช้จำเป็น เช่น นม หรือถุงหน้าท้อง ไปให้ และมีนัดเพื่อทำการรักษาต่อในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้


"ผู้ป่วยรายนี้มีสิทธิ์การรักษาเป็นสิทธิ์ประกันสังคม ซึ่งจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการรักษา และยังมีกองทุนเยียวยาของประกันสังคม ที่จะเป็นเงินช่วยเหลือ กรณีขาดรายได้จากการรักษาตัว ซึ่งผู้ป่วยจะต้องยื่นขอเยียวยาด้วยตนเองภายใน 2 ปี หลังเสร็จสิ้นการรักษา แต่ตอนนี้กระบวนการรักษายังไม่สิ้นสุด ซึ่งทางโรงพยาบาลจะช่วยในการจัดเตรียมเอกสารการรักษาต่างๆ ให้" ผอ.รพ.พญาเม็งราย กล่าว.

29 พ.ค. 2566
ไทยรัฐ